หลักการแบ่งขายกำไร Partial profit

Image
สนับสนุนโดย  คอร์ส เทรดหุ้นอเมริกา ติดต่อสมัครที่:   https://m.me/zyoit ทำไมการขายบางส่วนที่ 2R ถึงสำคัญ การขาย ⅓ ของพอร์ตเมื่อราคาไปถึง 2R จะได้กำไร +0.67R ถ้าภายหลังราคากลับลงมาโดนจุดตัดขาดทุนเดิม ส่วนที่เหลืออีก ⅔ จะขาดทุน –0.67R → สรุปแล้ว แทบจะไม่ขาดทุน (ใกล้เคียง breakeven) วิธีนี้ช่วย ลดความเสี่ยง, ลดความเครียด และทำให้สามารถถือข้ามแรงเหวี่ยงระยะสั้นได้ เพื่อไปลุ้นกำไรจากแนวโน้มใหญ่หลายเดือน --- วินัยและระบบอัตโนมัติ การตั้งเป้าหมายเป็น “R” ช่วยให้สามารถตั้ง คำสั่งล่วงหน้ากับโบรกเกอร์ (Limit Order/OCO) ได้ เช่น ขาย ⅓ ที่ 2R ขายอีก ⅓ ที่ 5R วิธีนี้ทำให้กระบวนการขายเป็นระบบที่ชัดเจนและ ไม่ต้องตัดสินใจซ้ำๆ เวลาตลาดเคลื่อนไหว --- หมายเหตุการเข้าออก (Execution Notes) ตัดสินใจเรื่อง Stop/โครงสร้างตลาด ตอนสิ้นวัน เว้นแต่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ เช่น Gap ใหญ่เกินเป้าหมาย หรือหลุดแนวโครงสร้างชัดเจน ถ้าราคาเปิดกระโดดผ่าน 2R หรือ 5R ก็ขายที่ราคาที่ทำได้ดีที่สุด และถือว่าการเทรดนั้น ลดความเสี่ยงแล้ว จากนั้นย้าย Stop ไปตามค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10 สัปดาห์ (10-WMA) สรุป: ใช้ระบบขายบ...

ประสบการณ์ ปั้นพอร์ตโต 200% แล้วคืนกำไรจนหมดตัว และการแก้ตัวใหม่ ของ David Ryan

 


อีบุ๊ก "พ่อลูก Ryan สวิงเทรดปั้นพอร์ต ปีละ 100% อย่างไร"

ลดราคาพิเศษ 20% ภายใน 8-10 กุมภาพันธ์ นี้เท่านั้น

ที่แอพ Meb : https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM0OTAxNDt9

เดวิด ไรอัน ได้เล่าประสบการณ์การเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมมาจากการศึกษาความผิดพลาดของตัวเองว่า

.....ในปี 1982 ผมมีพอร์ตการลงทุนอยู่แค่บัญชีเดียว ซึ่งตอนนั้นผมมีเงินอยู่ประมาณ 30,000 ดอลลาร์ แล้วตลาดหุ้นก็พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในเดือนสิงหาคมปีนั้น ผมเลยทำกำไรได้ดีมากจนสามารถเพิ่มพอร์ตเป็นสองเท่า

แต่ความจริงแล้ว มันไม่ได้มาจากฝีมือของผมทั้งหมดเลย ผมแค่โชคดีที่อยู่ในตลาดกระทิงรอบใหญ่ ผมยังไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ากำลังทำอะไรอยู่เลยด้วยซ้ำ

หลังจากนั้น ผมอยู่ในตลาดมาได้ปีหนึ่ง แล้วตลาดก็เริ่มแย่ลง ไม่มีหุ้นตัวไหนที่ทำกำไรได้อีกแล้ว การเติบโตหยุดชะงัก และผมเริ่มขาดทุนหนักมาก พอร์ตที่เคยขึ้นไปถึง 60,000 ดอลลาร์ ลดลงเหลือเพียง 16,000 ดอลลาร์ นี่มันแทบจะเป็นการล้างพอร์ตเลยก็ว่าได้

สุดท้าย ผมตัดสินใจใช้เวลาทั้งสุดสัปดาห์นั่งวิเคราะห์หุ้นทุกตัวที่ผมซื้อในปีที่ผ่านมา และผมก็พบข้อผิดพลาดที่เกิดซ้ำ ๆ นั่นคือ ผมซื้อหุ้นที่ "แพงเกินไป" หรืออยู่ในระดับราคาที่สูงเกินจุดเหมาะสม

เมื่อรู้แบบนี้ ผมจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงวิธีการซื้อขายใหม่ ผมจะซื้อหุ้นเฉพาะเมื่อถึง "จุดซื้อที่เหมาะสม" เท่านั้น คือซื้อตอนที่ราคาหุ้นกำลังทะลุแนวต้านขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ หรือซื้อเหนือฐานราคาที่แข็งแกร่ง ผมจะเลือกเฉพาะหุ้นที่มีคุณสมบัติที่ใช่

หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็เจอหุ้นตัวแรกที่ทำกำไรก้อนใหญ่ให้ผม นั่นคือบริษัท Wards ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Circuit City และนี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ

ตั้งแต่นั้นมา ผมมีสมาธิกับกลยุทธ์ของตัวเองมากขึ้น ผมไม่ซื้อหุ้นที่กำลังปรับฐาน ผมไม่ซื้อหุ้นที่ราคาสูงเกินไป ผมซื้อเฉพาะเมื่อถึงจุดซื้อที่ถูกต้อง ผมไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตลาดจะเป็นอย่างไร

ผมโฟกัสแค่ "รูปแบบเดียว" เท่านั้น และพยายามเชี่ยวชาญมันให้ได้ เพราะเวลาที่คุณพยายามทำหลายอย่างเกินไป เช่น ซื้อทั้งหุ้นที่กำลังเบรกเอาท์และหุ้นที่กำลังดึงตัวกลับ (Pullback) หรือใช้หลายกลยุทธ์ปะปนกัน มันจะทำให้คุณสับสนและเกิดปัญหา

ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือทำให้ทุกอย่างเรียบง่าย โฟกัสที่จุดแข็งของตัวเอง และพยายามทำให้มันสมบูรณ์แบบ!

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

$BMNR ทำธุรกิจอะไร? จุดแข็ง/จุดอ่อน และตัวเร่ง

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ทฤษฏีวัฏจักรตลาดหุ้น (Market Cycle)

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

หลักการแบ่งขายกำไร Partial profit