สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

Edge หรือความได้เปรียบในการเทรด ที่มือใหม่สามารถสร้างได้ทันที

สนับสนุนโดย eBook : Edge : ความได้เปรียบทางการเทรดสำหรับมือใหม่" 


https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=265423

Edge หรือความได้เปรียบในการเทรดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดทุกระดับ 

แต่สำหรับนักเทรดมือใหม่ มีบางกลยุทธ์ที่สามารถนำมาใช้ได้ทันทีเพื่อสร้างความได้เปรียบในตลาดการเงิน 

คุณจำเป็นต้องสร้างมันขึ้นมา ถ้าอยากอยู่รอดในระยะยาว

นี่คือบางแนวทางที่นักเทรดมือใหม่สามารถเริ่มต้นได้ทันที:


### 1. ศึกษาและทำความเข้าใจพื้นฐานของการเทรดและตลาด

- **เรียนรู้พื้นฐานของการเทรด**: ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน เรียนรู้วิธีการอ่านกราฟ ราคาและรูปแบบต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์แนวโน้ม การใช้เส้น Moving Average, RSI, MACD เป็นต้น

- **ศึกษาเกี่ยวกับตลาดที่คุณสนใจ**: แต่ละตลาดมีลักษณะเฉพาะตัว เรียนรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ที่คุณสนใจ เช่น หุ้น, ฟอเร็กซ์, สินค้าโภคภัณฑ์ หรือคริปโตเคอร์เรนซี


### 2. พัฒนาแผนการเทรด

- **สร้างแผนการเทรดที่ชัดเจน**: กำหนดกลยุทธ์ในการเข้าและออกจากตลาด รวมถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

- **ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง**: ตั้งเป้าหมายการทำกำไรที่เป็นไปได้และการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม


### 3. การจัดการความเสี่ยง

- **ใช้การจัดการความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด**: ไม่เสี่ยงเกินกว่า 1-2% ของเงินทุนในการเทรดแต่ละครั้ง

ใช้การหยุดขาดทุน (Stop Loss) และการทำกำไร (Take Profit) ให้สัมพันธ์กันในรูปแบบการทำธุรกิจ

- **ไม่เทรดด้วยอารมณ์**: หลีกเลี่ยงการตัดสินใจเทรดตามอารมณ์ ควรเทรดตามแผนที่วางไว้


### 4. การฝึกฝนและการใช้เครื่องมือ

- **ใช้บัญชีเดโม**: เริ่มต้นด้วยการใช้บัญชีทดลองเพื่อฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์โดยไม่เสี่ยงเงินจริง

- **การใช้เครื่องมือการเทรด**: ใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มการเทรดที่มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การวิเคราะห์และการตัดสินใจเทรดง่ายขึ้น เช่น การแจ้งเตือนราคา การวิเคราะห์เชิงเทคนิคอัตโนมัติ


### 5. การวิเคราะห์และการปรับปรุง

- **วิเคราะห์ผลการเทรดของตนเอง**: ทบทวนและวิเคราะห์ผลการเทรดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหาจุดที่สามารถปรับปรุงได้

- **ปรับปรุงแผนการเทรดตามผลการวิเคราะห์**: ปรับปรุงกลยุทธ์และแผนการเทรดตามข้อมูลและผลการวิเคราะห์ที่ได้มา


การสร้าง "edge" ในการเทรดไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีความรู้หรือประสบการณ์สูงสุด แต่เป็นการสร้างกลยุทธ์และวิธีการที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยง

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks