อีกแนวทางหา Relative Strength

Image
Alternate to Relative Strength Analysis — ฉบับแปลและเล่าเรื่องเข้าใจง่ายสำหรับนักเทรด แปลจาก  https://x.com/TannersTrades/status/1989117914021253218 เวลาที่กลุ่มหุ้นเติบโตหรือหุ้นธีมที่ผมเทรดอยู่เริ่มย่อตัว ผมมักถอยออกมาหนึ่งก้าว แล้วกลับมาโฟกัสกับการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ เพื่อมองหาว่ากระแสโมเมนตัมรอบถัดไปอาจเกิดขึ้นตรงไหน ในช่วงที่ตลาดยังไม่นิ่งและทุกอย่างดูคลุมเครือ แนวทางนี้ประกอบด้วยตัวชี้วัด 3 ส่วนสำคัญ: 1. ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงจุดสูงสุด (YTD Return to Highs) 2. เปอร์เซ็นต์การปรับตัวลงจากจุดสูงสุด (% Off Highs) 3. คะแนน Risk Adjusted Leadership Performance Heuristic หรือ RALPH เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ผมได้จัดทำภาพประกอบแสดงขั้นตอนทั้งหมดของการวิเคราะห์นี้ --- 1) เริ่มจากการดู % ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงจุดสูงสุด ข้อมูลชุดแรกช่วยให้เห็นว่าแต่ละตัวทำผลงานได้ดีแค่ไหนในช่วงปีที่ผ่านมา 2) จากนั้นดู % การย่อตัวจากจุดสูงสุด ทันทีที่ดูข้อมูลนี้ เราจะเห็น “การจัดลำดับใหม่” ของหุ้นแต่ละตัว ผมมักมองหาหุ้นที่ วิ่งแรงมาก แต่ย่อตัวกลับมาเพียงเล็กน้อย — หุ้นแบบนี้สะท้อนความแข็งแกร่งที่...

หากคุณต้องการลาออกจากงานประจำเพื่อเทรดเต็มเวลา นี่คือคำแนะนำจากคุณปู่ Peter Brandt : Full time trader วัยเก๋า

หากคุณต้องการลาออกจากงานประจำเพื่อเทรดเต็มเวลา

นี่คือคำแนะนำจากคุณปู่ Peter Brandt : Full time trader วัยเก๋า
1) เงินทุนทั้งก้อนควรมาจากกำไรที่คุณเทรดได้เท่านั้น (เพราะมันเป็น
ตัวการันตีว่าคุณมีพื้นฐานการทำเงินที่สม่ำเสมอมาแล้ว)
2) อย่าได้คาดหวังกำไรต่อปีเกินกว่า 50%
3) อย่าได้เสี่ยงเกินกว่า 2% ของพอร์ต ต่อการเทรดแต่ละครั้ง
4) คุณต้องมีเงินสดสำรองใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องพึ่งพากำไรจากการเทรด
นาน 18 เดือน (คุณจะได้ไม่กดดันตัวเองให้ต้องเทรดโดยไม่จำเป็น)
5) คาดหมายไว้ก่อนเลยว่า ปีแรก คุณจะเป็นผู้แพ้ ทำเงินไม่ได้เลย

Wanting to ditch day job to trade full time? My advice
1. Entire account capitalization should be from trading profits
2. Don't expect >50% annual RORs
3. Don' risk >2% of capital per trade
4. Have 18 months of living expenses saved separately
5. Expect Yr #1 to be a loser.
@Peter Brandt - Unknown Market Wizards

(การเทรดไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทางการเงินของคุณ แต่มันจะขยายให้คุณเสียเงินมากขึ้นต่างหาก)
ความหมายที่ปู่ไม่ได้บอกตรง ๆ ผมอยากเสริมให้เข้าใจมากขึ้น
1) คุณต้องอยู่รอดให้ได้ก่อน รอดได้ถึงมีโอกาสรวย
2) Psychology จิตใจคุณต้องไม่ถูกกดดันจากความคาดหวังผลลัพธ์
3) คุณจะเทรดได้ดีขึ้น เมื่อทำตามกระบวนการ ด้วยใจเป็นกลาง
4) คุณต้องไม่ปล่อยให้ "เงิน" เป็นนายควบคุมการเทรดของคุณ
เพราะถ้าคุณเทรดเพราะต้องการเงิน Psychology คุณจะไม่เป็นกลาง
5) นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Psychology จึงสำคัญมากที่สุด รองลงมา
คือ การบริหารเงินทุน สุดท้ายเป็นกลยุทธ์การเทรด
6) ถ้า psychology คุณรีบเร่ง ต้องชนะเท่านั้น แพ้ไม่ได้ คุณก็จะใช้กลยุทธ์ไปรับใช้อารมณ์แย่ นั้น เมื่อคุณหลงเทรดตามอารมณ์ เอาแต่ใจ แก้แค้น ก็ส่งผลให้พอร์ตพัง แล้วคุณก็จะต้องกลับไปของานคนอื่นทำ/เป็นลูกจ้างประจำที่คุณเกลียดอีกครั้งจนได้


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

$BMNR ทำธุรกิจอะไร? จุดแข็ง/จุดอ่อน และตัวเร่ง

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

ทฤษฏีวัฏจักรตลาดหุ้น (Market Cycle)

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

ทำไม จิตวิทยานักเทรด ถึงโคตรจะสำคัญ