สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

น้ำไหลนิ่ง: หลักธรรมะเพื่อเทรดเดอร์




"น้ำไหลนิ่ง" เป็นคลิปเสียงอ่านการแสดงธรรมของหลวงพ่อชา สุภัทโท ที่ช่วงนี้ผมชอบมาก ไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่ได้ฟังก็จะทำให้นึกถึงเนื้อหาในหนังสือ "Trading in the zone" ตลอดสิน่า
อะไรดลใจให้ผมคิดถึงความเชื่อมโยงต่อกัน, ลองอ่านกันดูครับ


ธรรมะคือสิ่งที่ไม่แน่
หลวงพ่อชา, ท่านบอกว่า '...ธรรมะไม่ใช่ว่าอยู่อื่นไกลนะ มันอยู่ติดๆกับเรานี่แหละ ไม่ใช่เรื่องเทพบุตรเทพธิดาหรอก เรื่องของเรานี้เอง เรื่องของเราทำอยู่เดี๋ยวนี้แหละเรื่องธรรมะ คือเรื่องของเราพิจารณาตัวเรานี้

บางทีมีความสุขบางทีมันมีความทุกข์ บางทีสบาย บางทีรำคาญ บางทีรักคนโน้นบางทีเกลียดคนนี้ นี้คือธรรมะ เห็นไหม ให้รู้จักธรรมะต้องอ่านอารมณ์ ให้รู้จักอารมณ์นี้ถึงจะปล่อยอารมณ์ได้

เห็นว่าอารมณ์มันไม่แน่นอนแล้วอย่างนี้เราก็สบาย มันเกิดลุกวูบขึ้นมา ว่า “ฮือ…อันนี้ไม่แน่หรอก” แต่ไปอีกอารมณ์เปลี่ยนขึ้นมาว่า “ฮือ…อันนี้ก็ไม่แน่”..อันที่ว่า ไม่แน่นอน นี่แหละคือพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็คือธรรมะ ธรรมะคือสิ่งที่ว่ามันไม่แน่'

หันกลับมานึกถึงการเทรดของเราบ้าง, เราทุกคนล้วนรู้ว่า "ตลาดมันไม่แน่นอน" หรือ "ตลาดมันคาดเดาอะไรไม่ได้เลย"

เราจึงไม่สามารถคาดหวังว่าตลาดต้องมอบอะไรให้กับเรา หนำซ้ำยังไม่สามารถควบคุมตลาดได้อย่างแน่นอน สิ่งเดียวที่เราทำได้คือ "เรียนรู้ที่จะควบคุมตัวเอง" แทน จากนั้นเราจึงจะสามารถรับรู้ข้อมูลต่างๆในมุมมองที่ตรงกับความเป็นจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


อนิจจัง
หลวงพ่อบอกอีกว่า '...ถ้าโยมรู้จักอนิจจังมันไม่แน่นอน โยมก็จะปล่อยวางเอง ไม่ไปยึดมั่นถือมั่น โยมว่า “อย่ามาทำแก้วฉันแตกนะ” ของมันแตกได้โยมจะห้ามมันได้ไหม ไม่แตกเวลานี้ ต่อไปมันจะแตก เราไม่ทำแตก คนอื่นจะทำแตก คนอื่นไม่ทำแตก ไก่มันจะทำแตก

พระพุทธเจ้าท่านให้ยอมรับ ท่านมองทะลุเข้าไปว่าแก้วใบนี้แตกแล้ว แก้วที่ไม่แตกนี้ท่านให้รู้ว่ามันแตกแล้ว จับทุกที ใส่น้ำดื่มน้ำเข้าไปแล้ววางไว้ ท่านก็ให้เห็นว่าแก้วมันแตกแล้ว เข้าใจไหม นี่คือความเข้าใจของท่านเป็นอย่างนั้น

เห็นแก้วที่แตกอยู่ในแก้วใบไม่แตก เพราะเมื่อมันหมดสภาพแล้วไม่ดีเมื่อไหร่มันก็จะแตกเมื่อนั้น ทำความรู้สึกอย่างนี้ แล้วก็ใช้แก้วใบนี้ไป รักษาไป อีกวันหนึ่งมันหลุดมือแตก “ผัวะ!”…สบายเลย
ทำไมสบาย เพราะเห็นว่ามันแตกก่อนแตกแล้ว เห็นไหม

แต่ถ้าเป็นโยม…”แหม ฉันถนอมมันเหลือเกิน อย่าทำให้มันแตกนะ” อีกวันหนึ่งสุนัขมาทำแก้วแตกแน่ะ อือ! เอาสุนัขตัวนี้ไปฆ่าทิ้งเสีย” เพราะสุนัขทำแก้วแตก เกลียดสุนัข ถ้าลูกทำแตกก็เกลียดลูก เกลียดทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้แก้วแตก

เพราะเราไปกั้นฝายไว้ไม่ให้น้ำไหลออกไป กั้นไว้อย่างเดียวไม่มีทางระบายน้ำ ฝายมันก็แตกเท่านั้นแหละ ใช่ไหม ต้องทำฝายแล้วทำระบายน้ำด้วย พอน้ำได้ระดับแค่นี้ก็ ระบายน้ำข้างๆนี้ เมื่อมันเต็มที่ก็ให้มันออกมาข้างนี้ใช่ไหม

ต้องมีทางระบาย อันนี้ท่านเห็นอนิจจังมันไม่เที่ยงอยู่อย่างนั้น นั่นแหละเป็นทางระบายของท่าน อย่างนี้โยมจะสงบ นี่คือปฏิบัติธรรมะ....' "

จบประโยคยาวๆนี้ ... ท่านลองเปลี่ยนจากคำว่า "แก้ว" เป็น "ขาดทุน" ดูสิ เหมือนกันมั้ย?
ในการเทรด,ถ้าเราคิดแต่จะกำไรอย่างเดียว ไม่อยากขาดทุนแม้แต่สักสตางค์เดียว ไม่เคยแม้แต่จะคิดเผื่อใจให้กับการสูญเสียเลย

เมื่อถึงเวลาที่อะไรๆไม่เป็นใจจากความที่ "ตลาดมันคาดเดาอะไรไม่ได้เลย" ท่านก็เจอการเสียเงินจนได้ ท่านก็ทุกข์สิ พาลโกรธตลาด โกรธนักวิเคราะห์ แอดมินเพจเชียร์หุ้น สถาบัน ต่างชาติ เซียนหุ้น วีไอ ฯลฯ ใครก็ตามที่ทำให้หุ้นที่ท่านถือราคาร่วงจนลงมากินทุนท่านทำให้พอร์ตเสียหาย

ทั้งที่ความจริงแล้ว, ถ้าเราเผื่อใจนึกถึงโอกาสที่จะขาดทุนสักนิด แล้วคิดต่อว่าถ้าราคามันลงมาหนักๆ เราจะทำยังไง คิดทางออกเอาไว้เสียแต่เนิ่นๆ เมื่อสิ่งนั้นมาถึง เราก็แค่ทำตามระบบที่ตั้งเอาไว้...เราก็จะไม่โทษตลาดหรือใครอื่น เพราะเรารู้ว่าตลาดไม่แน่นอน เรามีโอกาสขาดทุน ถ้าจะเสียหายแล้วเราจะยอมรับมันเท่าที่เรารับได้


ที่ไหนมีกำไรที่นั่นย่อมมีขาดทุน
ท่านบอกต่อไปว่า
'.....เราทุกวันนี้เรียนกันไป ศึกษากันไป หาความผิดหาความถูก หาความดีหาความชั่ว ไอ้ความไม่ผิดไม่ถูกนั้นไม่รู้ จะหาแต่รู้ว่ามันผิดหรือถูก “ฉันจะเอาแต่ถูก ผิดไม่เอา จะเอาไปทำไม?
เอาถูกประเดี๋ยวมันก็ผิดอีกนั่นแหละ มันถูกเพื่อผิด

เราก็แสวงหาความผิดความถูก ความไม่ผิดไม่ถูกไม่หา หรือแสวงเอาบุญ ก็แสวงไป รู้แต่บุญแต่บาปเรียนกันไป ตรงที่ว่าไม่มีบาป ไม่มีบุญนั้นไม่เรียนกัน ไม่รู้จัก
เอาแต่เรื่องมันสั้นมันยาว เรื่องไม่สั้นไม่ยาวนั้นไม่ศึกษากัน

เรียนแต่เรื่องดีชั่ว “ฉันจะปฏิบัติเอาดี ชั่วฉันจะไม่เอา” ไม่มีชั่วมันก็ไม่มีเท่านั้นแหละ จะเอาไง?
มีดเล่มนี้มันมีทั้งคม มันมีทั้งสั้น มีทั้งด้าม มันมีทุกอย่าง เราจะยกมีดเล่มนี้ขึ้นมาจะเอาแค่คมมันขึ้นมาได้ไหม จะจับมีด เล่มนี้ขึ้นมาแต่สันมันได้ไหม เอาแต่ด้ามมันได้ไหม ด้ามมันก็ด้ามมีด สันมันก็ สันมีด คมก็คมของมีด
เมื่อเราจับมีดเล่มนี้ขึ้นมา ก็เอาด้ามมันขึ้นมา เอาสันมันขึ้นมา เอาคมมันขึ้นมา ด้วย ไม่ใช่เอาแต่คมมันขึ้นมา

นี่เป็นตัวอย่าง อย่างนี้เราจะไปแยกเอาแต่สิ่งที่มันดี ชั่วก็ต้องติดไปด้วย เพราะเราหาสิ่งที่มันดี สิ่งที่ชั่วเราจะทิ้งมัน ไอ้สิ่งที่ ไม่ดีไม่ชั่ว เราไม่ได้ศึกษามันอยู่ตรงนั้น ไม่งั้นมันก็ไม่จบสิ

เอาดีชั่วก็ติดไปด้วย มันตามกันอยู่อย่างนั้น ถ้าเราเอาสุขทุกข์ก็ตามเราไป มันติดต่อกันอยู่
ฉะนั้นพวกเราจึงศึกษาธรรมะกันว่าเอาแต่ดีชั่วไม่เอา อันนี้เป็นธรรมะของเด็ก ธรรมะของเด็กมันเล่น ก็ได้อยู่แค่นี้ก็ได้ แต่ว่าเอาดีไปชั่วมันก็ตามไป โน่น…ถึงปลายทางมันก็รกไม่ค่อยจะดี..'

อุปมากับการเทรดก็ฉันเดียวกัน เรามุ่งหน้าเทคคอร์ส, อ่านหนังสือ เพื่อค้นหาวิธีการที่จะ "#เอาชนะตลาด" กันอย่างเดียว ไม่มีใครศึกษาการขาดทุนกันบ้างเลย ทั้งที่ในโลกของการลงทุนนั้น,มันก็มีทั้งกำไรและขาดทุนปนเปกันอยู่นั่นแหละ จะเอาแต่กำไรอย่างเดียวก็เป็นไปไม่ได้หรอก อยากกำไรเยอะๆ ก็ต้องรู้จักความเจ็บปวดจากการขาดทุนให้มากด้วย หากไม่รู้จักความทุกข์จากการขาดทุนแล้วจะมีสุขที่วิเศษจากการกำไรได้ยังไงกันเล่า


ภาวะน้ำไหลนิ่งคือโซนคือภาวะที่เกิดปัญญา
ถ้าโยมรู้จักว่าสิ่งทั้งหลายนี้มันไม่แน่ ความคิดของโยมที่อยู่ในใจมันค่อยคลี่คลายออก มันจะค่อยคลี่คลายออก เพราะเราจะเห็นว่ามันแน่อย่างนั้น อะไรที่เราเห็นว่าไม่แน่ เมื่อเห็นมันผ่านมามากๆ อะไรๆก็อย่างนั้นแหละ วันหลังก็พิจารณา… “เอ…อย่างนั้นแหละ”

โยมรู้จักน้ำที่มันไหลไหม เคยเห็นไหม น้ำนิ่งโยมเคยเห็นไหม ถ้าใจเราสงบแล้ว มันจะเป็นคล้ายๆกับน้ำมันไหลนิ่ง โยมเคยเห็นน้ำไหลนิ่งไหม แน่ะ ก็โยมเคยเห็นแต่น้ำนิ่ง กับน้ำไหล น้ำไหลนิ่งโยมไม่เคยเห็น ตรงนั้นแหละ ตรงที่โยมคิดยังไม่ถึงหรอกว่า มันเฉยมันก็เกิดปัญญาได้ เรียกว่าดูใจของโยมมันจะคล้ายน้ำไหล แต่ว่านิ่ง ดูเหมือนนิ่ง ดูเหมือนไหล เลยเรียกว่า น้ำไหลนิ่ง มันจะเป็นอย่างนั้น ปัญญาเกิดได้

Cr: เนื้อประโยคคำเทศนา คัดลอกมาจาก
http://anuchah.com/still-flowing-water/



(แนะนำเพิ่มเติม ของฟรี)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
เรียนเล่นหุ้น เรียนเทรด forex จิตวิทยาการเทรด มือใหม่เล่นหุ้น
คลิกลิ้งนี้ครับ https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บนี้ครับ







และ eBook มีขายที่เว็บ https://www.mebmarket.com/index.php?action=search_book&type=author_name&search=เซียว%20จับอิดนึ้ง&exact_keyword=1&page_no=1
แยกส่วนกันนะครับ ขายคนละเจ้า
ebook หนังสือสอนเล่นหุ้น

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks