เขาปั้นพอร์ตโต 300 เด้ง(ภายใน 5 ปี) ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยได้หุ้นเด้งสักตัว…นี่คือวิธีการที่เขาใช้

Image
คุณจะไม่มีทางได้รับผลตอบแทนมหาศาลจากความสม่ำเสมอที่แท้จริงใดๆ ที่ถือครองพอร์ตโฟลิโอหุ้นที่หลากหลายทั้งหนาและบาง ประสิทธิภาพที่สูงโดยมีการเบิกจ่ายเพียงเล็กน้อยต้องการ: 1. จับจังหวะตลาด 2. การหมุนรอบ 3. ลงเงินเข้าเทรดแบบจัดหนักเมื่อการเทรดเวิร์ค ลงเงินน้อยเมื่อไม่เวิร์ค ผมไม่ได้ฉลาดมากพอที่จะรู้ว่าหุ้นตัวไหนจะเป็นหุ้นร้อยเด้งตัวต่อไป ที่ผมปั้นพอร์ตโตได้อย่างสุดยอดนั้น (ไม่ได้มาจากการได้กำไรหุ้นเด้ง(100%)..สิบเด้ง...ร้อยเด้งเลย แต่เป็นได้กำไรระดับ 20-30% จากหุ้นหลาย ๆ ตัว) ได้จากหุ้นที่วิ่งขึ้นอย่างมั่นคงและน่าเชื่อถือเท่านั้น ผมแค่ใช้หลักการทบต้นกำไรให้ได้มากที่สุด และจำกัดขนาดการขาดทุน(drawdowns)ให้เสียน้อยที่สุด - Mark Minervini ปล. คนที่จะทำแบบนี้ได้ ต้อง... 1.มีวินัยสูงมาก รู้จักรอคอย อดทนไม่เทรดในตอนทำเงินยาก 2.เชี่ยวชาญใน Position Sizing บุกหนักในช่วงเงินง่าย หนังสือเล่มมีขายที่  https://www.facebook.com/zyobooks eBook มีขายที่  https://bit.ly/zyoebooks

งานของนักเทรด : เฝ้าติดตาม และตัดขาดทุน

 การเฝ้าติดตาม และตัดขาดทุน

เมื่อเข้าซื้อได้แล้ว งานของเรายังไม่จบนะครับ

ต้องเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นตัวนั้นต่อ ตรงนี้แหละที่เป็นเหตุผลว่าทำไมท่านต้องมีจำนวนหุ้นในการดูแลและติดตาม "ไม่เยอะเกินไป" 3-5 ตัวกำลังพอดี ถ้าเกิน 10 ตัว ผมว่ามากไป


ทำไมต้องติดตาม?

เพราะเราไม่มีทางแม่นได้ทุกตัว บางคน ใน 10 ตัว มีพลาดถึง 5 หรือมากกว่านั้น

ตลาดหุ้นมีหน้าที่ทำให้นักเทรดขาดทุน 


การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด และการทำธุรกิจก็เช่นกัน มันคือต้นทุน ที่ท่านต้องยอมรับ 

การขาดทุนจะไม่เป็นอันตรายสำหรับนักเทรดตราบใดที่คุณบริหารมันไม่ให้เสียหายมากเกินไป 3% - 10% คือลิมิตที่ถือว่าไม่ทำร้ายนักเทรด (แต่ต้องสัมพันธ์กับจำนวนเงินที่คุณยอมเสียได้ ที่คุณวางแผนในช่วง setup แล้วนะครับ ถ้าบริหารเงินเข้าซื้อที่ดี เป็นไปตามระบบ การตัดขาดทุนในระดับนี้จะไม่มีทางทำร้ายพอร์ตของคุณได้เลย)


ปัญหาในช่วงนี้ ใหญ่มาก มีผลกระทบมาก

เพราะนักเทรดส่วนใหญ่ ไม่สามารถทำตามระบบ หรือกฎการตัดขาดทุนได้ แม้จะวางแผน ให้สัญญากับตัวเองไว้แล้วก็ตาม


ตอนวางแผนนั้น เรายังไม่ได้เจอของจริงไง จึงพูดหรือเขียน ระบุล่วงหน้ายังไงก็ได้

แต่พอเจอของจริงเข้า เกินครึ่ง "แผนแตก" กันทั่ว

เพราะในตัวมนุษย์มีสิ่งที่เรียกว่า "ความกลัวการสูญเสีย หรือ Loss Aversion" เราทำใจยากมากที่จะขายตัดขาดทุน เพราะความคาดหวัง ว่าอยากเป็นผู้ชนะ อยากได้กำไร ไม่อยากขาดทุนอีก ฯลฯ ส่งผลให้เกิดการบิดพลิ้ว เลี่ยงกฎ ขอต่อราคา เปลี่ยนโหมดไปเป็นภาวนาให้ราคากลับมาเท่าทุนก่อน


ตรงนี้แหละที่อารมณ์เข้ามามีส่วนร่วมอีกครั้ง

เมื่อไม่ยอมขายตัดขาดทุน ความเสียหายยิ่งใหญ่โต


วิธีแก้ ก็ต้องกลับไปปรับความเชื่อใหม่ อาทิ

- การขาดทุน เป็นต้นทุนของการทำธุรกิจ

- การขาดทุน เป็นส่วนหนึ่งของการเทรด

- เราควบคุมการเคลื่อนไหวของราคาไม่ได้ 

- เราไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์การเทรดได้

- ตลาดมีหน้าที่ทำให้นักเทรดขาดทุน

- การขาดทุนจะไม่ทำร้ายเราได้ถ้าตัดตอนไว

- ตัดขาดทุนไว เสียหายน้อย เอาคืนง่าย

- หน้าที่อันดับแรกของนักเทรด คือรักษาเงินทุน

ฯลฯ ท่านต้องติดตั้งความเชื่อนี้ให้กับตัวเองให้ได้

ถ้ามีความเชื่อนี้ ท่านตัดขาดทุนได้ง่ายขึ้นแน่



แนะนำบทความรวมคลิป = คอร์สหุ้นออนไลน์ 

ชมฟรีครับ ที่ช่องยูทูปของ zyo


***********


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

เล่นหุ้นตามฝูง ไม่รุ่ง มีแต่เจ๊ง?

กลยุทธ์ และสไตล์การเทรดของ ปู่ William O’Neil

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

เส้น EMA ที่เทรดเดอร์เทพนิยมใช้