Positive Expectancy คือเบสิคที่สำคัญของการเทรด

Image
นักเทรดทุกคนสามารถหาผู้ชนะได้  แต่เหตุใดจึงมีเพียงไม่กี่รายที่ทำเงินได้ในระยะยาว?  (ส่วนใหญ่รู้วิธีทำเงินแล้ว แต่ทำไมปั้นพอร์ตไม่ได้เสียที?) เหตุผลหลักสำหรับผมคือ พวกเขาไม่มี Mindset ในการรักษาขนาดความสูญเสียให้น้อยกว่าขนาดของกำไรที่ได้มา  (นี่คือเรื่องของ Positive Expectancy) เมื่อเรามีปัญหาในการยอมรับเบสิคของการเทรด ..เราก็คิดผิดไปครึ่งหนึ่งแล้ว  อย่าทำให้เบสิคในการทำเงิน...ซับซ้อนเกินไป - Anthony Crudele Positive Expectancy คือเบสิคที่สำคัญของการเทรดครับ มันช่วยให้งานการเทรดของคุณง่ายขึ้น โดยเฉพาะ Mindset  (((เรื่องของ Positive Expectancy มีอยู่ในหนังสือ เทรดแบบทำธุรกิจ, จิตวิทยานักเทรด และ ปั้นพอร์ต)))

บทเรียน(เฉพาะตัว) ที่ผมได้จากการนำความรู้จากหนังสือ "คัดหุ้นชั้นยอด ด้วยระบบชั้นเยี่ยม"


บทเรียน(เฉพาะตัว) ที่ผมได้จากการนำความรู้จากหนังสือ "คัดหุ้นชั้นยอด ด้วยระบบชั้นเยี่ยม" บางส่วนไปใช้งานจริง

เห็นทาง Nsix กำลังจะพิมพ์ซ้ำ อีกรอบ
จึงเขียนบทความขึ้นมาเพื่อเชียร์ และแนะนำหนังสือเล่มนี้ ให้ท่านเอาไปพิจารณา
โดยสิ่งที่นำเสนอนั้น มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเองนะ
(ออกตัวไว้ก่อนว่าผมเองก็เอา CANSLIM ไปใช้ไม่ครบทุกข้อ)

๑. เป็นหนังสือเปลี่ยน mindset การเทรดของผมโดยสิ้นเชิง
พลิกจากทัศนคติทำลายตัวเอง เป็น พัฒนาตนเองให้ถูกต้องตามแบบที่ผู้ชนะเขาเป็นกัน
ซึ่งผมเอาไปเป็นเชื้อเพลิงในการหาข้อมูลเพิ่มเติม ยิ่งค้นยิ่งได้พบว่ามันใช่ นี่คือสิ่งที่เราขาด และตามหา
(ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนทันทีนะครับ แต่ยิ่งลงมือทำ แล้วยิ่งเห็นว่ามันใช่)

๒. ผมได้รู้จักเส้นค่าเฉลี่ย เห็นคุณค่าสุดยอดของมัน สามารถเอาไปใช้งานได้ดี
และประยุกต์ใช้ได้หลากหลายมาก (ตามจริตของผู้ใช้)
เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน เวิร์คมาก



๓. Cup with handle (สำหรับผมนะ) win/loss ratio : 40 : 60 (ถ้าสภาพตลาดโคตรคึกอาจมากกว่านี้)
แต่การได้ win ตัวเดียว ก็กำไรคุ้มค่า (ความเสี่ยงน้อยลง)
แต่หากตลาดแย่ การ buy breakout ความเสี่ยงจะสูงตาม
การตัดขาดทุนโดยไม่มีเงื่อนไขจึงจำเป็นมาก

๔. ประเด็นเรื่อง "หุ้นนำตลาด" เวิร์คมาก
พวกนี้แหละที่ทำเงินได้ง่ายที่สุด (ถ้าจับจังหวะถูกต้อง ดูสิ่งแวดล้อมและ cycle เป็น)

๕. เทรดสไตล์ CANSLIM ไม่ใช่ว่า ทุกตัวที่คุณเข้าเทรด ต้องได้กำไรเป็นเด้ง (หลักร้อยเปอร์เซ็นต์ขึ้น) แต่ กำไรมาตรฐานที่คุณคาดหวังและเริ่ม take profit ก็คือ 20% เท่านั้นก่อน

๖. การตัดขาดทุน 7-8% เป็นเรื่องที่เวิร์คมาก
ถ้าตัดขาดทุนน้อยกว่านี้ได้ยิ่งดี

๗. แรงซื้อจากสถาบัน (คนทำราคา) มีนัยสำคัญมากกว่าพื้นฐาน เพราะพื้นฐาน(เหตุผล) จะวิ่งตามมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวของราคาเสมอ

๘. การศึกษาลักษณะของหุ้นผู้ชนะ สังเกตนิสัยของมัน จับจุดร่วม ถือเป็นสิ่งที่ควรเสียเวลาชีวิตเพื่อแลกให้ได้ทักษะนี้อย่างยิ่ง รู้แล้วคุ้ม



๙. หลักการ CANSLIM ไม่ใช่ holy grail ที่คุณเอาไปใช้แล้วกำไรทุกตัว ไม่แพ้เลย คุณต้องเจอตัวขาดทุนบ่อยกว่าตัวกำไร ดังนั้นคุณต้องมีทักษะและความเชื่อในการบริหารความเสี่ยงด้วย

ที่ผมใช้คือ
Risk management มาก่อน Money Management มาก่อน CANSLIM

๑๐. ที่สำคัญคือ มันไม่ได้ทำให้ท่านรวยทันที รวยชั่วข้ามคืน ท่านต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อให้กำไรทบต้น
คนที่ได้ bigshot ต่อเนื่อง ก็รวยไว

สรุปคือ หนังสือสือเล่มนี้ ถือเป็นเหมือนคัมภีร์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการประสบความสำเร็จในการเทรด ไม่จำเป็นต้องเอาไอเดียทุกข้อไปใช้แบบเดินทาบรอยเท้า แค่เอาไอเดียบางเรื่องไป apply ก็ทำเงินได้ ควรอ่านหลายๆ รอบ ยิ่งกลับมาอ่าน ยิ่งได้ของดีจากหนังสือเล่มนี้ ตามประสบการณ์ของคุณ

ใครที่มีอยู่แล้ว ให้หยิบมาอ่าน
ใครที่ยังไม่มี ควรซื้อมาอ่านอย่างยิ่ง คุ้มมาก


แนะนำเพิ่มเติม ของฟรี)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
เรียนเล่นหุ้น เรียนเทรด forex จิตวิทยาการเทรด มือใหม่เล่นหุ้น
คลิกลิ้งนี้ครับ https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บนี้ครับ
มีทั้งเทคนิคการเล่นหุ้นด้วยกราฟ จิตวิทยาการเทรด และการบริหารความเสี่ยง ครบวงจรครับ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

กว่าจะเป็น Dan Zanger นักสวิงเทรด ผู้ปั้นพอร์ตจาก $10,775 ไปเป็น $18,000,000

Positive Expectancy คือเบสิคที่สำคัญของการเทรด

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

มโน Darvas Box หน้าตาจะเป็นยังไง?