อีกแนวทางหา Relative Strength

Image
Alternate to Relative Strength Analysis — ฉบับแปลและเล่าเรื่องเข้าใจง่ายสำหรับนักเทรด แปลจาก  https://x.com/TannersTrades/status/1989117914021253218 เวลาที่กลุ่มหุ้นเติบโตหรือหุ้นธีมที่ผมเทรดอยู่เริ่มย่อตัว ผมมักถอยออกมาหนึ่งก้าว แล้วกลับมาโฟกัสกับการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ เพื่อมองหาว่ากระแสโมเมนตัมรอบถัดไปอาจเกิดขึ้นตรงไหน ในช่วงที่ตลาดยังไม่นิ่งและทุกอย่างดูคลุมเครือ แนวทางนี้ประกอบด้วยตัวชี้วัด 3 ส่วนสำคัญ: 1. ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงจุดสูงสุด (YTD Return to Highs) 2. เปอร์เซ็นต์การปรับตัวลงจากจุดสูงสุด (% Off Highs) 3. คะแนน Risk Adjusted Leadership Performance Heuristic หรือ RALPH เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ผมได้จัดทำภาพประกอบแสดงขั้นตอนทั้งหมดของการวิเคราะห์นี้ --- 1) เริ่มจากการดู % ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงจุดสูงสุด ข้อมูลชุดแรกช่วยให้เห็นว่าแต่ละตัวทำผลงานได้ดีแค่ไหนในช่วงปีที่ผ่านมา 2) จากนั้นดู % การย่อตัวจากจุดสูงสุด ทันทีที่ดูข้อมูลนี้ เราจะเห็น “การจัดลำดับใหม่” ของหุ้นแต่ละตัว ผมมักมองหาหุ้นที่ วิ่งแรงมาก แต่ย่อตัวกลับมาเพียงเล็กน้อย — หุ้นแบบนี้สะท้อนความแข็งแกร่งที่...

ความได้เปรียบทางการเทรดไม่ได้อยู่ที่ Perfect Setup แต่อยู่ที่เทคนิค Exit


อีบุ๊ก เทคนิค Exit พิชิตผลการเทรด

มีจำหน่ายแล้วที่แอพ Meb https://t.co/6hfYXffLeK

โปรโมชั่น Early Bird : ลดราคา 20% จากปก 30 กย - 2 ตค 


ความได้เปรียบทางการเทรดไม่ได้อยู่ที่ Perfect Setup แต่อยู่ที่เทคนิค Exit

Peter Robbins – "ความได้เปรียบของนักเทรดมักไม่ได้อยู่ที่ ความสามารถในการหาจังหวะการเข้าเทรดที่สมบูรณ์แบบ แต่ขึ้นอยู่กับทักษะในการจัดการการเทรดตั้งแต่การเข้าเทรดจนถึงการออกจากการเทรด"


คำพูดนี้เน้นว่าความสำเร็จของนักเทรดไม่ได้ขึ้นอยู่กับการหาจังหวะการเข้าเทรดที่ "สมบูรณ์แบบ" เพียงอย่างเดียว หลายคนอาจคิดว่าถ้าหากหาการตั้งค่าหรือสัญญาณที่ดีที่สุดได้ การเทรดก็จะประสบความสำเร็จ แต่นั่นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของกระบวนการทั้งหมด


1. การจัดการตั้งแต่การเข้าเทรดจนถึงการออกจากการเทรด (Trade Management):  

การบริหารการเทรด (Trade Management) คือทักษะที่สำคัญที่สุดสำหรับนักเทรด มันรวมถึงการวางแผนและการจัดการทั้งในด้านการตั้งจุดเข้าตลาด การจัดการความเสี่ยง การติดตามความเคลื่อนไหวของตลาด และการตัดสินใจว่าจะออกจากตลาดเมื่อไหร่ ความสามารถในการจัดการนี้เป็นสิ่งที่ทำให้นักเทรดประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ได้เปิดสถานะแล้ว


2. ไม่จำเป็นต้องหาการเข้าเทรดที่สมบูรณ์แบบ:  

การหาจุดเข้าเทรดที่สมบูรณ์แบบเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะตลาดเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การพยายามมุ่งหาจุดที่สมบูรณ์แบบอาจทำให้คุณเสียเวลาและพลาดโอกาสไป การเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องรอให้ทุกปัจจัยเหมาะสมที่สุด แต่คือการเข้าใจและปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพตลาดที่เป็นอยู่


3. การจัดการความเสี่ยง:  

หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการจัดการการเทรดคือการจัดการความเสี่ยง นักเทรดที่เก่งจะรู้ว่าควรเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนในการเทรดแต่ละครั้ง และจะใช้เครื่องมืออย่างเช่น "จุดตัดขาดทุน" (Stop Loss) เพื่อป้องกันการสูญเสียทุนเกินความจำเป็น การปกป้องทุนถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะหากคุณสามารถจำกัดการขาดทุนและปกป้องกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณก็มีโอกาสทำกำไรได้ในระยะยาว


4. การติดตามและปรับปรุงกลยุทธ์:  

การจัดการการเทรดที่ดีหมายถึงการติดตามสถานการณ์ตลาดหลังจากที่คุณเปิดสถานะแล้ว นักเทรดที่เก่งจะรู้ว่าควรจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เมื่อไหร่ อาจเป็นการเลื่อนจุดหยุดขาดทุนเพื่อปกป้องกำไร หรือการเพิ่มปริมาณการเทรดเมื่อสถานการณ์เป็นไปตามที่คาดไว้


5. การตัดสินใจออกจากตลาด: 

การตัดสินใจออกจากตลาดเป็นอีกส่วนที่สำคัญมาก การออกจากการเทรดไม่ว่าจะเป็นตอนทำกำไรหรือตัดขาดทุน จะส่งผลต่อผลลัพธ์โดยรวม หากออกช้าไป อาจทำให้สูญเสียกำไรที่สะสมไว้ หรือปล่อยให้การขาดทุนมากขึ้น นักเทรดที่เก่งจะรู้ว่าเมื่อไหร่ควรออกเพื่อรักษากำไรและลดการสูญเสีย


สรุป:  

ความสำเร็จในการเทรดไม่ได้ขึ้นอยู่กับการหาจุดเข้าเทรดที่สมบูรณ์แบบ แต่มาจากการจัดการที่ชาญฉลาด ตั้งแต่การวางแผนการเทรด การจัดการความเสี่ยง การติดตามตลาด และการตัดสินใจในการออกจากตลาด การมีทักษะในด้านการจัดการทั้งหมดนี้คือสิ่งที่สร้างความได้เปรียบให้กับนักเทรดในระยะยาว


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

$BMNR ทำธุรกิจอะไร? จุดแข็ง/จุดอ่อน และตัวเร่ง

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

ทฤษฏีวัฏจักรตลาดหุ้น (Market Cycle)

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

แนะวิธีดูกราฟหุ้นเบื้องต้น