คุณต้องลงสนามเทรดจริง ถึงจะเข้าใจการเทรดอย่างแท้จริงได้

"มีเพียงเกม (การเทรด) เท่านั้น ที่จะสอนให้คุณเข้าใจเกม (การเทรด) ได้"— Jesse Livermore ไม่มีหนังสือ บทความ หรือคำแนะนำใด ๆ ที่จะสอนคุณให้เป็นเทรดเดอร์ที่แท้จริงได้ นอกจากการลงสนามเทรดจริง คุณจะเรียนรู้ผ่าน ประสบการณ์ตรง ทั้งจาก ความสำเร็จและความผิดพลาด ๑) เรียนรู้จากตลาด – กราฟ ราคาวิ่ง แรงซื้อแรงขาย จะเป็นครูที่ดีที่สุด ๒) ทดสอบกลยุทธ์จริง – ทฤษฎีดีแค่ไหนก็ไร้ค่า ถ้าคุณไม่ลองใช้จริง ๓)ฝึกควบคุมอารมณ์ – เทรดจริงเท่านั้นที่จะสอนให้คุณรับมือกับความโลภและความกลัว สรุป: คุณต้องลงมือเทรดเอง ฝึกฝน ปรับปรุง และเรียนรู้จากทุกการซื้อขาย นั่นคือวิธีเดียวที่จะเข้าใจ "เกมการเทรด" อย่างแท้จริง

ความได้เปรียบทางการเทรดไม่ได้อยู่ที่ Perfect Setup แต่อยู่ที่เทคนิค Exit


อีบุ๊ก เทคนิค Exit พิชิตผลการเทรด

มีจำหน่ายแล้วที่แอพ Meb https://t.co/6hfYXffLeK

โปรโมชั่น Early Bird : ลดราคา 20% จากปก 30 กย - 2 ตค 


ความได้เปรียบทางการเทรดไม่ได้อยู่ที่ Perfect Setup แต่อยู่ที่เทคนิค Exit

Peter Robbins – "ความได้เปรียบของนักเทรดมักไม่ได้อยู่ที่ ความสามารถในการหาจังหวะการเข้าเทรดที่สมบูรณ์แบบ แต่ขึ้นอยู่กับทักษะในการจัดการการเทรดตั้งแต่การเข้าเทรดจนถึงการออกจากการเทรด"


คำพูดนี้เน้นว่าความสำเร็จของนักเทรดไม่ได้ขึ้นอยู่กับการหาจังหวะการเข้าเทรดที่ "สมบูรณ์แบบ" เพียงอย่างเดียว หลายคนอาจคิดว่าถ้าหากหาการตั้งค่าหรือสัญญาณที่ดีที่สุดได้ การเทรดก็จะประสบความสำเร็จ แต่นั่นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของกระบวนการทั้งหมด


1. การจัดการตั้งแต่การเข้าเทรดจนถึงการออกจากการเทรด (Trade Management):  

การบริหารการเทรด (Trade Management) คือทักษะที่สำคัญที่สุดสำหรับนักเทรด มันรวมถึงการวางแผนและการจัดการทั้งในด้านการตั้งจุดเข้าตลาด การจัดการความเสี่ยง การติดตามความเคลื่อนไหวของตลาด และการตัดสินใจว่าจะออกจากตลาดเมื่อไหร่ ความสามารถในการจัดการนี้เป็นสิ่งที่ทำให้นักเทรดประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ได้เปิดสถานะแล้ว


2. ไม่จำเป็นต้องหาการเข้าเทรดที่สมบูรณ์แบบ:  

การหาจุดเข้าเทรดที่สมบูรณ์แบบเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะตลาดเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การพยายามมุ่งหาจุดที่สมบูรณ์แบบอาจทำให้คุณเสียเวลาและพลาดโอกาสไป การเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องรอให้ทุกปัจจัยเหมาะสมที่สุด แต่คือการเข้าใจและปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพตลาดที่เป็นอยู่


3. การจัดการความเสี่ยง:  

หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการจัดการการเทรดคือการจัดการความเสี่ยง นักเทรดที่เก่งจะรู้ว่าควรเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนในการเทรดแต่ละครั้ง และจะใช้เครื่องมืออย่างเช่น "จุดตัดขาดทุน" (Stop Loss) เพื่อป้องกันการสูญเสียทุนเกินความจำเป็น การปกป้องทุนถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะหากคุณสามารถจำกัดการขาดทุนและปกป้องกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณก็มีโอกาสทำกำไรได้ในระยะยาว


4. การติดตามและปรับปรุงกลยุทธ์:  

การจัดการการเทรดที่ดีหมายถึงการติดตามสถานการณ์ตลาดหลังจากที่คุณเปิดสถานะแล้ว นักเทรดที่เก่งจะรู้ว่าควรจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เมื่อไหร่ อาจเป็นการเลื่อนจุดหยุดขาดทุนเพื่อปกป้องกำไร หรือการเพิ่มปริมาณการเทรดเมื่อสถานการณ์เป็นไปตามที่คาดไว้


5. การตัดสินใจออกจากตลาด: 

การตัดสินใจออกจากตลาดเป็นอีกส่วนที่สำคัญมาก การออกจากการเทรดไม่ว่าจะเป็นตอนทำกำไรหรือตัดขาดทุน จะส่งผลต่อผลลัพธ์โดยรวม หากออกช้าไป อาจทำให้สูญเสียกำไรที่สะสมไว้ หรือปล่อยให้การขาดทุนมากขึ้น นักเทรดที่เก่งจะรู้ว่าเมื่อไหร่ควรออกเพื่อรักษากำไรและลดการสูญเสีย


สรุป:  

ความสำเร็จในการเทรดไม่ได้ขึ้นอยู่กับการหาจุดเข้าเทรดที่สมบูรณ์แบบ แต่มาจากการจัดการที่ชาญฉลาด ตั้งแต่การวางแผนการเทรด การจัดการความเสี่ยง การติดตามตลาด และการตัดสินใจในการออกจากตลาด การมีทักษะในด้านการจัดการทั้งหมดนี้คือสิ่งที่สร้างความได้เปรียบให้กับนักเทรดในระยะยาว


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

Marios Stamatoudis สวิงเทรดปั้นพอร์ตโต 291.2% ในปีเดียว เขาทำได้อย่างไร?

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

Trader's Journey ของ Christian Flanders: จากนักโป๊กเกอร์สู่นักเทรดที่ปั้นพอร์ตโต +433% ในปี 2024

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่