$WLTH หุ้นอเมริกาตัวนี้มีอะไรน่าสนใจ

Image
  $WLTH คือ ticker ของ Wealthfront Corporation ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน (fintech) ที่ให้บริการ robo-advisor หรือการจัดการการลงทุนแบบอัตโนมัติ โดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าดิจิทัลเนทีฟ เช่น เจนมิลเลนเนียลและเจน Z บริษัทก่อตั้งในปี 2011 และมีสำนักงานใหญ่ที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พวกเขามีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) มากกว่า 90 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และลูกค้ากว่า 1.3 ล้านราย ธุรกิจและผลิตภัณฑ์หลักที่น่าสนใจ Wealthfront เชี่ยวชาญในการลงทุนแบบ passive ผ่านกองทุนดัชนี (index funds) ที่มีต้นทุนต่ำ โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การเก็บเกี่ยวภาษีขาดทุน (tax-loss harvesting) และการปรับสมดุลพอร์ตอัตโนมัติ ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่: - Automated Investing Account: พอร์ตลงทุนกระจายความเสี่ยงทั่วโลกแบบอัตโนมัติ - Retirement Accounts: บัญชีเกษียณอายุที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี - 529 Education Savings Plan: แผนออมเงินเพื่อการศึกษาที่ปลอดภาษี - Stock Investing Account: สร้างพอร์ตหุ้นและ ETF เอง เริ่มต้นเพียง 1 ดอลลาร์ - S&P 500 และ Nasdaq-100 Direct: ลงทุนหุ้นเดี่ยวในดัชนีเหล่านี้พร...

ถ้าคุณไม่มีแผน Exit คุณก็ไม่มีแผนการเทรด

 


อีบุ๊ก เทคนิค Exit พิชิตผลการเทรด

มีจำหน่ายแล้วที่แอพ Meb https://t.co/6hfYXffLeK

โปรโมชั่น Early Bird : ลดราคา 20% จากปก 30 กย - 2 ตค 


Peter Robbins – "แผนการเข้าตลาดโดยไม่มีแผนการออกตลาด คือแผนสำหรับความล้มเหลว"**

คำกล่าวนี้ของ Peter Robbins เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมี **"แผนการออกจากตลาด"** (Exit Plan) ในการเทรด การมีแค่แผนการเข้าตลาด (Entry Plan) อย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ หากคุณไม่มีแผนชัดเจนเกี่ยวกับการออกจากตลาด ไม่ว่าจะเพื่อทำกำไรหรือป้องกันการขาดทุน ผลลัพธ์ที่ตามมาจะมีโอกาสสูงที่จะเป็นความล้มเหลว


1. แผนการออกจากตลาดมีความสำคัญมากกว่าการเข้าตลาด:  

หลายคนมักให้ความสำคัญกับการหา "จุดเข้า" (Entry Point) ที่ดีที่สุด แต่ลืมไปว่าการออกจากตลาด (Exit Strategy) นั้นสำคัญไม่แพ้กัน การเข้าเทรดในจุดที่ดีไม่มีความหมายหากคุณไม่รู้ว่าควรจะออกเมื่อไหร่และอย่างไร การไม่วางแผนการออกจะทำให้คุณไม่มีทิศทางหรือหลักเกณฑ์ในการตัดสินใจ เมื่อเกิดความผันผวนในตลาด คุณจะเสี่ยงต่อการติดอยู่ในสถานะการเทรดที่อาจนำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่


2. แผนการออกเป็นการป้องกันความเสี่ยงและรักษากำไร:  

แผนการออกจากตลาดเป็นส่วนสำคัญในการจัดการความเสี่ยง เมื่อคุณเปิดสถานะการเทรด ควรจะมีการตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit) ล่วงหน้า ซึ่งช่วยปกป้องคุณจากการสูญเสียเงินทุนและช่วยรักษากำไรที่ทำได้ การขาดแผนการออกจากตลาดจะทำให้คุณเสี่ยงที่จะเสียกำไรหรือแม้แต่ทุนทั้งหมด


3. การออกจากตลาดช่วยควบคุมอารมณ์:  

การเทรดมักเกี่ยวข้องกับอารมณ์อย่างลึกซึ้ง ทั้งความโลภและความกลัว หากคุณไม่มีแผนการออกจากตลาดที่ชัดเจน คุณอาจปล่อยให้การตัดสินใจถูกควบคุมด้วยอารมณ์ ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด เช่น การยืดถือสถานะการเทรดที่ขาดทุน หรือการไม่ปิดสถานะเมื่อมีกำไรจนสุดท้ายกำไรหายไป


4. การออกจากตลาดคือการจัดการความไม่แน่นอนของตลาด:  

ตลาดการเงินนั้นเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แม้คุณจะคาดการณ์ทิศทางของตลาดได้ถูกต้องในช่วงแรก แต่สถานการณ์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การมีแผนการออกจากตลาดเป็นการเตรียมตัวรับมือกับความไม่แน่นอนเหล่านั้น การไม่วางแผนการออกเสมือนเป็นการเสี่ยงโชคมากกว่าการเทรดอย่างมีระบบ


5. แผนการออกควบคู่ไปกับแผนการเข้า: 

เพื่อความสำเร็จในการเทรด คุณต้องมีทั้งแผนการเข้าและออกที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น นักเทรดที่มีแผนการเข้าตลาดที่ดีจะต้องรู้ว่าเมื่อใดควรปิดสถานะการเทรด การออกจากตลาดที่มีประสิทธิภาพต้องอยู่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์และแผนที่วางไว้อย่างรอบคอบ ไม่ใช่การตัดสินใจจากความรู้สึก


สรุป:  

การมีแผนการเข้าตลาดโดยไม่มีแผนการออกจากตลาดคือการเปิดช่องให้เกิดความล้มเหลวในการเทรด การเทรดที่ประสบความสำเร็จต้องมีการวางแผนการออกที่ชัดเจนเพื่อจัดการความเสี่ยง ปกป้องกำไร และควบคุมอารมณ์ การวางแผนล่วงหน้าในทุกขั้นตอนคือหัวใจของการเทรดที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

$BMNR ทำธุรกิจอะไร? จุดแข็ง/จุดอ่อน และตัวเร่ง

Grok? $IREN หุ้นอเมริกาตัวนี้ ถูกเชียร์เกินเหตุหรือเปล่า?