ทำไมเทรดเดอร์มืออาชีพ หลายคน เทรดหุ้นแค่ไม่กี่ตัว — บางคนโฟกัส แค่หุ้นเดียวด้วยซ้ำ?

Image
"Oliver ทำไมคุณถึงเทรดหุ้น Apple เกือบตลอดเวลา?" Oliver ผมสังเกตมาสักพักแล้วว่าคุณเทรดหุ้น Apple บ่อยมาก เรียกได้ว่า 85-90% ของเวลาทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ผมเลยสงสัยว่า ทำไมคุณถึงเลือกเทรดแค่หุ้น Apple ทั้งที่ในแต่ละวันก็มีหุ้นดีๆ อีกมากมายที่น่าจะทำกำไรได้ไม่แพ้กัน? คำถามนี้ถือเป็นคำถามที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะมันเปิดโอกาสให้ผมได้อธิบายสิ่งที่ผมมักพูดคุยกับเทรดเดอร์ของผมบ่อยๆ ก่อนอื่นเลย ผมเชื่ออย่างแรงกล้าว่า “เทรดเดอร์มืออาชีพ” ที่ประสบความสำเร็จจริงๆ มักจะเป็น “ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน” มากกว่า “นักลองของทั่วไป” ซึ่งความสำเร็จของพวกเขาส่วนใหญ่มาจากการ โฟกัส และ เชี่ยวชาญในสิ่งที่ตัวเองรู้ลึกจริงๆ แล้วการเป็นผู้เชี่ยวชาญมันหมายความว่าอะไร? มันหมายความว่า “โลกการเทรดของเขาเล็กมาก” เล็กจนถึงขนาดที่เทรดเดอร์มืออาชีพหลายคน เทรดหุ้นแค่ไม่กี่ตัว — บางคนโฟกัสแค่หุ้นเดียวด้วยซ้ำ ลองคิดดูสิครับ “Specialist” ในตลาด NYSE (ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก) ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่ในโลกการเทรด พวกเขาแทบไม่เคยขาดทุนเลย และมีความสม่ำเสมอสูงมาก พวกเขามีความได้เปรียบที่เหนือกว่าเทรดเดอร์ทั่วไปแบบแทบจะไม่ยุติธรรมด...

สโตอิก Vs 80/20 กฎพาเรโต


จำหน่ายแล้ว : สโตอิก สำหรับคนขี้เกียจ... ในรูปแบบ ebook 
ลดราคา 20% จากปก 25-29 กันยายน นี้เท่านั้น

"สโตอิก สำหรับคนขี้เกียจ"

: ขี้เกียจยังไง ให้ทำน้อยได้มาก มี Flow ได้ผลงานขั้นเทพ"

แนวคิดสโตอิก (Stoicism) และกฎ 80/20 (Pareto Principle) มีความคล้ายคลึงกันในหลายด้าน โดยเฉพาะในการมุ่งเน้นสิ่งที่มีผลลัพธ์มากที่สุดและการใช้พลังงานหรือทรัพยากรในสิ่งที่สำคัญที่สุด นี่คือบางประเด็นที่คล้ายคลึงกัน:


1. การมุ่งเน้นสิ่งที่ควบคุมได้

สโตอิกเชื่อว่ามนุษย์ควรให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ในความควบคุมของตนเองเท่านั้น เช่น ความคิดและการกระทำของเรา คล้ายกับแนวคิด 80/20 ที่มุ่งเน้นไปยังการลงแรงหรือทรัพยากรใน 20% ของสิ่งที่มีผลต่อผลลัพธ์ 80% การควบคุมสิ่งที่เราสามารถทำได้ในบริบทของสโตอิกคือการเลือกทำสิ่งที่สำคัญที่สุดและมีผลลัพธ์สูง


2. การเลือกทิศทางชีวิตที่เหมาะสม 

สโตอิกแนะนำให้ใช้ชีวิตด้วยปัญญา (wisdom) และมุ่งไปที่การมีคุณธรรม (virtue) ซึ่งหมายถึงการทำสิ่งที่มีคุณค่าและมีผลลัพธ์ที่ดี การทำในสิ่งที่สำคัญและสร้างผลลัพธ์มากที่สุดตามหลัก 80/20 ก็สอดคล้องกับการเลือกกิจกรรมหรือเส้นทางที่สร้างความหมายและความสำเร็จในชีวิต


3. การตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก 

สโตอิกเชื่อในความเรียบง่ายและการกำจัดสิ่งที่เป็นภาระหรือสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิตเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สงบและมั่นคง คล้ายกับกฎ 80/20 ที่แนะนำให้ตัด 80% ของกิจกรรมที่ไม่ได้สร้างผลลัพธ์มากนักออกไป เพื่อให้มีพื้นที่และพลังงานไปมุ่งกับสิ่งที่สำคัญกว่า


4. การจัดการอารมณ์และปัญหาชีวิต  

ในหลักสโตอิก การจัดการกับอารมณ์เชิงลบหรือปัญหาต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญ เช่น การควบคุมความกลัว ความโกรธ และความโลภ กฎ 80/20 สามารถนำมาใช้ในการบริหารจัดการอารมณ์เหล่านี้ได้ โดยมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหามากที่สุด (20%) และหาวิธีแก้ไขเพื่อลดผลกระทบ 80% ของอารมณ์ที่ทำให้ชีวิตไม่สงบ


5. การใช้เวลาและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ  

ทั้งสโตอิกและกฎ 80/20 ต่างเน้นการใช้เวลาหรือทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสโตอิกจะเน้นการใช้ชีวิตที่มีคุณค่า ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ความหมาย ในขณะที่กฎ 80/20 ช่วยให้เราจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ควรทำก่อนและหลัง


การผสมผสานแนวคิดเหล่านี้จะช่วยให้เรามีชีวิตที่เป็นระเบียบมากขึ้น รู้จักเลือกทำสิ่งที่มีผลลัพธ์สูงสุดในชีวิตและการทำงาน


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

เส้นทางการเทรดและวิธีเทรดปั้นพอร์ต 100% ++ ของ Leoš Mikulka

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

รวมบทความที่เกี่ยวกับ Gap หุ้น & ทฤษฎี Gap หุ้น

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่