ทำไมสินทรัพย์กลุ่ม “สินค้าโภคภัณฑ์” (Commodities) ถึงพุ่งแรงในช่วงนี้ (พฤศจิกายน 2025)

Image
ทำไมสินทรัพย์กลุ่ม “สินค้าโภคภัณฑ์” (Commodities) เช่น ทองคำ เงิน ทองแดง แพลทินัม พาลาเดียม และลิเทียม ถึงพุ่งแรงในช่วงนี้ (พฤศจิกายน 2025) สรุปจาก https://x.com/Clement_Ang17/status/1988834009317798188?s=20 แถม Watchlist: Silver Mining : https://th.tradingview.com/watchlists/195320523/ Top US Minerals Plays: https://th.tradingview.com/watchlists/204336970/ Lithium: https://th.tradingview.com/watchlists/203529917/ Copper: https://th.tradingview.com/watchlists/209482485/ 💡 สรุปภาพรวม แรงขับเคลื่อนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์รอบนี้ไม่ได้มาจากเหตุผลเดียว แต่เกิดจาก “หลายปัจจัยผสมกัน” ทั้งเรื่องเศรษฐกิจมหภาค (Macro), เงินเฟ้อ, ความไม่มั่นคงทางการเมือง, และวัฏจักรเศรษฐกิจที่กำลังเข้าสู่ช่วงปลายรอบขาขึ้นของหุ้น 🔑 ปัจจัยหลักที่ผลักดันราคา 1. การอ่อนค่าของเงินและนโยบายการเงิน (Monetary Debasement) หลายประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม BRICS (จีน รัสเซีย อินเดีย ตุรกี) กำลังซื้อทองคำเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินดอลลาร์และหนี้สหรัฐที่สูงลิ่ว (เกิน 125% ของ GDP) นักลงทุนมองว่า “ทอง” และ “เงิน” เป็นสินท...

ชนะเกมการเทรดด้วย Risk Reward ที่เหมาะกับสไตล์ของคุณ



There are multiple paths to positive expectancy.

Avg gain * win % - avg loss * loss %

Large profit factor, low accuracy:

($5 * .3) - ($1 * .7) = $.80

High accuracy, low profit factor:

($1.5 *. 7) - ($1 * .3) = $.75

Mid accuracy, mid profit factor:

($2.5 * .5) - ($1 * .5) = $.75

๑) แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นเพียงตัวอย่างสมมุติฐาน แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความจริงของการเทรด ระบบความแม่นยำต่ำคือระบบที่ถูกตัดขาดทุนออกไปเป็นจำนวนมาก 


๒) ในหลายกรณี ปัจจัยกำไรไม่เคยอยู่ที่ค่ากลาง มันเบ้ไปจากกึ่งกลางเสมอ เนื่องจากระบบเหล่านี้มักจะใช้การหยุดที่เข้มงวดมาก ดังนั้นการสูญเสียโดยเฉลี่ยจึงน้อยมาก แต่ 10-20% ของหุ้นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่จะให้กำไรช่วยให้พอร์ตโตได้ 


๓) ลองนึกถึง Qullamaggie หรือ Zanger (นักเทรดที่ร่ำรวย) ที่โดนตัดขาดทุนบ่อยมาก เขาจะมองหาการเทรด Reward : Risk ระดับ 5, 10 และ 20:1 หรือนักเทรดตามเทรนด์ระยะยาวที่พยายามขี่เทรนด์ใหญ่ๆ หลายเดือน/ปี


๔) Low profit factor systems (Reward : Risk ต่ำ) โดยที่กำไรเฉลี่ยเทียบกับการขาดทุนเฉลี่ยไม่แตกต่างกันมาก ทำเงินผ่าน Position Sizing สูงและล็อกกำไรได้ค่อนข้างเร็ว ฉันเคยเห็นระบบที่การสูญเสียเฉลี่ยมากกว่ากำไรเฉลี่ย แต่ความแม่นยำนั้นสูงมาก โดยรวมแล้วถือว่ามีกำไร นักเก็งกำไรและนักเทรดรายวันระยะสั้นมักจะจัดอยู่ในประเภทนี้


๕) Mid-profit factor systems มีแนวโน้มที่จะมีความสมดุลของทั้งสองอย่าง ลองนึกถึงลักษณะของนักเทรด Win rate 50% ที่ใช้ Reward : Risk 2:1 ของ Minervini ระบบเหล่านี้โฟกัสไปที่การจับจังหวะมากขึ้นเล็กน้อย และมีการแบ่งขายเก็บกำไรบางส่วน และมีแนวโน้มที่จะใช้การตัดขาดทุนแบบกว้างกว่าเล็กน้อย ซึ่งช่วยให้ความแม่นยำสูงขึ้น นักสวิงเทรดมักจะอยู่ในข้อนี้

๖) โดยส่วนตัวแล้วฉันไม่สามารถทนต่อระบบที่ความแม่นยำได้ มันยุ่งเหยิงกับหัวของฉันและฉันเริ่มก่อวินาศกรรมการซื้อขายของฉัน 
๗) ฉันพยายามบังคับตัวเองให้ทำมาหลายครั้งแล้ว และฉันก็ทำใจไม่ได้ 

๘) ดังนั้นฉันจึงขยายแก็บตัดขาดทุนของฉันให้กว้างขึ้น ซึ่งจะช่วยลดจุดตัดขาดทุนของฉันและเพิ่มค่าเฉลี่ยความแม่นยำของฉันเพื่อให้อยู่ในการเทรดมากขึ้น 

๙) สิ่งนี้เหมาะสมที่สุดหรือไม่? ฉันไม่สนใจจริงๆพูดตามตรง จะมีประโยชน์อะไรถ้าฉันไม่สามารถทำตามมันได้? ฉันอยากจะก้าวหน้าโดยทำน้อยให้ได้มาก แทนที่ที่จะบังคับสิ่งที่ฉันทำอย่างไม่สอดคล้องกันเพียงเพื่อผลประโยชน์ที่ดีที่สุด 

๑๐) บางทีสักวันหนึ่งฉันจะทำงานเพื่อจัดการกับการตัดขาดทุนที่เข้มงวดขึ้นและลดความแม่นยำลง แต่ฉันอยู่ในพื้นที่ที่สะดวกสบายที่ฉันอยู่ตอนนี้และคณิตศาสตร์ของฉันก็ใช้ได้ มีหลายวิธีในการทำเงินจากตลาดหุ้น


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

$BMNR ทำธุรกิจอะไร? จุดแข็ง/จุดอ่อน และตัวเร่ง

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ทฤษฏีวัฏจักรตลาดหุ้น (Market Cycle)

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

แนะวิธีดูกราฟหุ้นเบื้องต้น