กับดักอันตรายของการซื้อหุ้นราคาถูก

Image
กับดักอันตรายของการซื้อหุ้นราคาถูก "หุ้นราคาถูก" ในความหมายของพี่มาร์ค ที่เป็นนักเก็งกำไร คือ "หุ้นขาลง ที่ลงหนักจนคุณเทียบระยะห่างจากราคาที่จุดสูงสุดกับราคาปัจจุบันแล้วพบว่าตอนนี้มันลดราคาเยอะมาก" นะครับ แกไม่ได้ให้นัยเกี่ยวกับมูลค่าแต่อย่างใด (ถ้าคุณมั่นใจว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการคำนวณมูลค่าหุ้นชนิดหาตัวจับยาก ก็ให้ข้ามไปนะครับ ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ) . ความอันตรายของหุ้นขาลง ที่มือใหม่คิดว่ามันลงจนราคาถูกมากแล้วก็คือ  ๑) คุณเชื่อว่าตอนนี้มันราคาถูกมากแล้ว ๒) พอมันร่วงลงต่อ คุณจะไม่กล้าขาย เพราะเชื่อว่ามันถูกมากแล้ว ไม่น่าลงต่อไปได้อีกมากหรอก ๓) ยิ่งราคาร่วงลงต่อไปอีก คุณจะรู้สึกว่าราคาที่ถูกกว่านั้นมันดึงดูดให้คุณ "ซื้อเพิ่ม" โดยไม่ลังเล และชอบธรรมที่จะซื้อ ๔) ไป ๆ มามา คุณก็ได้ซื้อถัวเฉลี่ยด้วยเงินที่ก้อนโตมากเกินไป Position Sizing โตเกินไป โตจนจนละเมิดการบริหารความเสี่ยงที่ดีไป -- คุณกำลังเพิ่มความเสี่ยงในการทำลายตนเอง(Risk of Ruin)มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ๕) และถ้าคุณโชคร้าย หุ้นตัวนั้นเป็นตัวซวย การถัวเฉลี่ยผู้แพ้แค่ตัวเดียว ก็ทำลายพอร์ตของคุณได้อย่างง

ทำไมช่วง 6 ปีแรกของอาชีพนักเทรดของพี่ Mark Minervini จึงพอร์ตพัง-หมดตัว? และจุดเปลี่ยนที่ทำให้กลับมาเป็นผู้ชนะคืออะไร?

"เพื่อให้ทุกอย่างมันเคลียร์ 100% 

ผม(จะบอกความจริงให้คุณรู้ทั่วกันว่า)ได้ทำผิดพลาดนับพันครั้งตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีแรก(ผมพลาดเละเทะมาก)

... แต่กุญแจสู่ความสำเร็จในระยะยาวของผมคือ การหลีกเลี่ยงความเสียหายจากความผิดพลาดครั้งใหญ่ และยอมให้หุ้นที่ดีที่สุดเป็นแนวทางในการลงทุนของผมเสมอ โดยผมจะไม่โต้เถียงกับคำตัดสินของตลาดเด็ดขาด"

- Mark Minervini


จากภาพบน ตรงที่เป็นกรอบสีแดงคือช่วงแรกที่พี่มาร์คเข้าสู่ตลาด

ทั้ง ๆ ที่ตลาดเป็นขาขึ้นแต่แกก็ยังทำเงินไม่ได้

๑) เหตุผลคือในตอนนั้น แกใช้กลยุทธ์ซื้อหุ้น laggard หุ้นที่ทำจุดต่ำสุดใหม่แบบวีไอมือสมัครเล่นทำ หาหุ้นไม่เป็น ซื้อหุ้นตามคำแนะนำของมาร์เก็ตติ้งให้เล่นหุ้นปั่นสตอรี่ ซ้ำร้ายคือ

- แกไม่ขายไม่ขาดทุน

- และ ถัวเฉลี่ยขาดทุน

จึงทำให้พอร์ตพัง หมดตัวไป

(ปัญหาไม่ใช่แนวทางวีไอ - แต่เป็นเพราะแกรู้ไม่จริง และไม่มีการบริหารความเสี่ยงเลย)


๒) แกกลับมาอีกครั้ง พร้อมเงินก้อนใหม่ และเปลี่ยนมาร์เก็ตติ้งใหม่ แต่ด้วยความที่คบกันแบบคู่คิดคู่แข่ง ทำให้ตอนที่ขาดทุนไม่กล้าบอกให้ตัดขาดทุน(ในอดีตนั้น จะซื้อขายหุ้นต้องให้มาร์เก็ตติ้งทำให้) จึงอมพะนำไว้ ทนเก็บหุ้นขาดทุนไว้ก่อน รอให้ราคากลับมาเท่าทุนก่อนจึงค่อยเกทับกัน แต่ปัญหากลับร้ายแรงหุ้นนั้นยังลงหนักต่อ ก็ยังหน้าบางไม่ให้มาร์เก็ตติ้งคู่ซี้ขาย จึงหมดตัวไปอีกรอบ (ปัญหาคือ -ไม่ขายไม่ขาดทุน)


๓) จุดเปลี่ยน คือแกได้เรียนวิชาจากปู่โอนีล กับ พี่เดวิด ไรอัน จึงได้แนวทางคัดหุ้นแบบ CAMSLIM ใช้พื้นฐาน+เทคนิคอล มาปรับใช้

- ตั้งปณิธานว่า อยากจะเก่งเหมือน เดวิด ไรอัน (ซึ่งเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน) ให้ได้

- โดยกุญแจสำคัญคือแกจริงจังกับ

-- การตัดขาดทุน 

-- การบริหาร Risk Reward ที่เป็นธุรกิจ 

-- รู้จักรอคอย-ตลาดแย่ไม่เทรด 

- - จะเทรดแบบจัดหนักเฉพาะตอนที่ตลาดเป็น Easy Money เท่านั้น

-- มุ่งเน้น ทบต้นกำไร แทนที่จะทบต้นความผิดพลาด


๔) จากนั้นผลงานก็ดีขึ้น และกลับมาปั้นพอร์ต เติบโตพุ่งทะยาน และแข่ง US Investing Championship ได้แชมป์อีกต่างหาก

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล