ทำไมเทรดเดอร์มืออาชีพ หลายคน เทรดหุ้นแค่ไม่กี่ตัว — บางคนโฟกัส แค่หุ้นเดียวด้วยซ้ำ?

Image
"Oliver ทำไมคุณถึงเทรดหุ้น Apple เกือบตลอดเวลา?" Oliver ผมสังเกตมาสักพักแล้วว่าคุณเทรดหุ้น Apple บ่อยมาก เรียกได้ว่า 85-90% ของเวลาทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ผมเลยสงสัยว่า ทำไมคุณถึงเลือกเทรดแค่หุ้น Apple ทั้งที่ในแต่ละวันก็มีหุ้นดีๆ อีกมากมายที่น่าจะทำกำไรได้ไม่แพ้กัน? คำถามนี้ถือเป็นคำถามที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะมันเปิดโอกาสให้ผมได้อธิบายสิ่งที่ผมมักพูดคุยกับเทรดเดอร์ของผมบ่อยๆ ก่อนอื่นเลย ผมเชื่ออย่างแรงกล้าว่า “เทรดเดอร์มืออาชีพ” ที่ประสบความสำเร็จจริงๆ มักจะเป็น “ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน” มากกว่า “นักลองของทั่วไป” ซึ่งความสำเร็จของพวกเขาส่วนใหญ่มาจากการ โฟกัส และ เชี่ยวชาญในสิ่งที่ตัวเองรู้ลึกจริงๆ แล้วการเป็นผู้เชี่ยวชาญมันหมายความว่าอะไร? มันหมายความว่า “โลกการเทรดของเขาเล็กมาก” เล็กจนถึงขนาดที่เทรดเดอร์มืออาชีพหลายคน เทรดหุ้นแค่ไม่กี่ตัว — บางคนโฟกัสแค่หุ้นเดียวด้วยซ้ำ ลองคิดดูสิครับ “Specialist” ในตลาด NYSE (ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก) ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่ในโลกการเทรด พวกเขาแทบไม่เคยขาดทุนเลย และมีความสม่ำเสมอสูงมาก พวกเขามีความได้เปรียบที่เหนือกว่าเทรดเดอร์ทั่วไปแบบแทบจะไม่ยุติธรรมด...

Mindset ผู้ชนะ ของพี่ Mark Minervini

ประเด็นสำคัญจากบทความ How Early Stock Losses Built A Champion Stock Trader

.

1) โชคดี(ฟลุก)ของมือใหม่

Beginner's Luck ของ Mark Minervini เริ่มต้นในปี 1983 กับหุ้นของบริษัท Allis-Chalmers ผู้ผลิต forklifts และ tractors นี่เป็นหุ้นตัวแรกที่ Mark Minervini เข้าซื้อที่ราคา $4 ซึ่งอยู่ไกล้ ๆ 52-week low แล้วจากนั้นราคาก็พุ่งทะยานขึ้น ทำให้เขาได้กำไรจากมันมากมาย ทำให้เขาคิดว่า "ว้าว...การลงทุนมันช่างง่ายอะไรอย่างนี้" ก็แค่ซื้อหุ้นที่ราคาต่ำที่สุดให้ได้ แล้วก็ถือ แค่นี้ก็รวยแล้ว

.

แต่หลังจากการได้กำไรครั้งนั้น ตลาดก็สั่งสอนเขา ทำให้ 6 ปีจากนั้นเขาไม่เคยได้กำไรเลย แถมหมดตัวไปสองครั้ง (ใช่...กำไรจาก Allis-Chalmers เป็นแค่ความฟลุคเท่านั้นเอง)

.

2) ผู้ชนะใช้การขาดทุนหนักเป็นแรงบันดาลใจ

แต่...ด้วยความที่เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นผู้แพ้ในเกมนี้ แทนที่จะใช้การขาดทุนหนัก หมดตัวเป็นเหตุผลในการล้มเลิก Mark Minervini กลับใช้มันเป็นเหตุผลในการสู้ ใช้มันเป็นตัวเปลี่ยนเกม พลิกให้เขากลับไปเป็นผู้ชนะ

.

3) ใช้ความผิดพลาดเป็นเบาะแสพัฒนาตนเอง

ตั้งแต่ต้นปี 1990 Mark Minervini ใช้เวลาหาคำตอบว่าเขาทำอะไรผิด? จึงได้ขาดทุนซ้ำซากและหมดตัว? จึงได้ไปเจอหนังสือของ Jesse Livermore ผู้เป็นตำนานนักเทรด อ่านแนวทางการคัดหุ้นผู้ชนะของลิเวอร์มอร์ และที่สำคัญเขากลับไปตรวจสอบความผิดพลาดของตนเองอย่างเข้มข้น 

จึงพบจุดอ่อนของตนเอง 2 ประการสำคัญ นั่นคือ

1. เขาปล่อยให้การขาดทุนเล็กๆ น้อย ๆ ขยายใหญ่โต เพราะไม่ยอมตัดขาดทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ (คือไม่ให้เกิน 10%)

2. เขาไม่มีหลักเกณฑ์การลงทุนที่ดีพอ

เมื่อระบุจุด่อนของตนเองได้แล้ว Mark Minervini จึงตั้งปณธานว่า "ฉันจะไม่ทำพลาดซ้ำเรื่องเดิมอีก" ด้วยการไม่ปล่อยให้หุ้นขาดทุนทำลายพอร์ตเขาอีก เขาจริงจังกับการตัดขาดทุน เขาเลิกซื้อหุ้นที่ราคาต่ำสุด หลังจากทำแบบนี้ได้แล้ว เขาไม่เคยเจอการพอร์ตพังอีกเลย

.

4) การหมดตัว ได้สร้าง Great Trader ที่ชื่อ Mark Minervini

ตอนนี้ New Mark Minervini ได้เกิดใหม่แล้ว และคนใหม่คนนี้ก็ยังคงยืนหยัดอยู่รอดและร่ำรวยเป็นเศรษฐีจนกระทั่งวันนี้

.

เขาบอกว่า สิ่งที่ดีที่สุดที่นักเทรดผู้ทะเยอทะยานควรได้เจอตั้งแต่เนิ่น ๆ คือ "การขาดทุนหนัก กระทั่ง พอร์ตพัง หรือ หมดตัว(ได้ก็ยิ่งดี)" เหตุผลก็คือ ความพ่ายแพ้สอนอะไรมากมายเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเกี่ยวกับตัวเขาเอง ที่สำคัญก็คือมันสอนให้คุณเคารพความเสี่ยง

.

5) ฝันให้ใหญ่ ใช้ความยากจนกระตุ้นให้เป็นผู้ชนะให้ได้

ด้วยความที่เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน เขาจึงใช้ความแร้นแค้นนั้นเป็นแรงผลักดันให้เขา "ต้องเป็นคนร่ำรวยให้ได้โดยไม่มีข้ออ้าง" เมื่อใดก็ตามที่เขาขี้เกียจก็จะเอาภาพจำที่แร้นแค้นในอดีตมาเตือนตนว่าอย่าได้เกียจคร้าน และที่สำคัญเขาตระหนักรู้เสมอว่า "ฉันดีเกินกว่าที่เป็นคนยากจน" เขาเห็นภาพตนเองที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวยอยู่ในหัวเสมอ

.

6) อยากชนะ ต้องมี Mindset ของผู้ชนะ

Mark Minervini เชื่อเสมอว่า "ความสำเร็จนั้นสร้างได้" ไม่มีใครเกิดมาแล้วเทรดเก่งเลย เขาต้องสร้าง "Mindset ของผู้ชนะ" ขึ้นมาด้วยตนเอง 

.

7) เรียนรู้ที่จะปลุกยักษ์ในตัว

Mark Minervini รู้พลังพิเศษของจิตใจ ด้วยการสะกดจิตนเอง การตอกย้ำและยืนยันตนเอง ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ การยืนยันตนเองในแต่ละวันก่อนจะครองตำแหน่งแชมป์ในการแข่งขันเทรดหุ้นในสหรัฐฯ ในปี 1997 "ทุกๆ วันเมื่อผมลุกขึ้น ผมจะมองในกระจกแล้วพูดว่า 'สวัสดีตอนเช้า ผู้ชนะ U.S. Investing Championship' " มิเนอร์วินีกล่าว “ผมแค่บอกตัวเองว่าผมชนะแล้ว มันเป็นมากกว่าความเชื่อ คุณต้องอยู่ในพื้นที่นั้น ผมแค่เสียบปลั๊กจิตใต้สำนึกเพื่อพาผมไปที่นั่น”

คนที่สอนเขาให้รู้จักศาสตร์นี้ก็คือ เดล คาร์เนกี โทนี่ ร็อบบินส์ และ ไบรอัน เทรซี นั่นเอง

.

8) เรียนรู้จากคนสำเร็จที่แท้จริง

Mark Minervini  พบว่า ถ้าอยากเป็นผู้สำเร็จ คุณต้องคิดและให้เหมือนพวกเขา จึงตระเวนอ่านหนังสือของผู้ชนะ เพื่อหาจุดร่วมว่า "พวกเขามีอะไรที่เหมือนกัน?" จะได้ทำให้เหมือน อยากสำเร็จแบบเขาคุณต้องเป็นเหมือนพวกเขาให้ได้

.

9) ใช้กฎการเทรด 4 ข้อเพื่อการปั้นพอร์ตให้เติบโตสม่ำเสมอ

1. โฟกัสไปที่การเป็นผู้เชี่ยวชาญสไตล์เดียว

2. หลีกเลี่ยงการขาดทุนขนาดใหญ่และอย่าถวเฉลี่ยขาดทุน

3. เทรดจัดหนักเมื่อคุณได้เปรียบเท่านั้น

4. เทรดเฉพาะหุ้นผู้ชนะเท่านั้น

.

10) เทรดตามตลาด อย่าเทรดนำตลาด

(หลังจากหมดตัวในช่วงหกปีแรก) Mark Minervini  ไม่เคยพยายามซื้อที่จุดต่ำสุด ขายที่จุดสูงสุดเลย เขาแค่ "กินตรงกลาง" เพราะมันคือส่วนที่ดีที่สุดกินง่ายที่สุด

.

11) คำแนะนำสำหรับนักเทรดผู้ไม่อยากแพ้

- “เพื่อที่จะใช้ชีวิตตามที่คุณต้องการอย่างแท้จริง คุณจะต้องซื่อสัตย์ต่อความปรารถนาของคุณ และทำให้ความปรารถนานั้นมีความสำคัญสูงสุด” 

- คุณต้องเสียสละหลายอย่าง “ความสำต้องมีการเสียสละ ผมรับรองได้เลยว่าสำหรับผู้ชนะเลิศเหรียญทองโอลิมปิก การคว้าเหรียญทองมาอยู่ในอันดับต้นๆ ของชีวิต ไม่ใช่สิ่งสำคัญอันดับสามในชีวิต แต่มันคืออันดับหนึ่ง!!”

.

แปล เรียบเรียง และใส่สีตีไข่ จาก https://www.investors.com/news/management/leaders-and-success/mark-minervini-how-early-stock-losses-built-a-champion-stock-trader/


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

เส้นทางการเทรดและวิธีเทรดปั้นพอร์ต 100% ++ ของ Leoš Mikulka

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

รวมบทความที่เกี่ยวกับ Gap หุ้น & ทฤษฎี Gap หุ้น

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่