กับดักอันตรายของการซื้อหุ้นราคาถูก

Image
กับดักอันตรายของการซื้อหุ้นราคาถูก "หุ้นราคาถูก" ในความหมายของพี่มาร์ค ที่เป็นนักเก็งกำไร คือ "หุ้นขาลง ที่ลงหนักจนคุณเทียบระยะห่างจากราคาที่จุดสูงสุดกับราคาปัจจุบันแล้วพบว่าตอนนี้มันลดราคาเยอะมาก" นะครับ แกไม่ได้ให้นัยเกี่ยวกับมูลค่าแต่อย่างใด (ถ้าคุณมั่นใจว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการคำนวณมูลค่าหุ้นชนิดหาตัวจับยาก ก็ให้ข้ามไปนะครับ ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ) . ความอันตรายของหุ้นขาลง ที่มือใหม่คิดว่ามันลงจนราคาถูกมากแล้วก็คือ  ๑) คุณเชื่อว่าตอนนี้มันราคาถูกมากแล้ว ๒) พอมันร่วงลงต่อ คุณจะไม่กล้าขาย เพราะเชื่อว่ามันถูกมากแล้ว ไม่น่าลงต่อไปได้อีกมากหรอก ๓) ยิ่งราคาร่วงลงต่อไปอีก คุณจะรู้สึกว่าราคาที่ถูกกว่านั้นมันดึงดูดให้คุณ "ซื้อเพิ่ม" โดยไม่ลังเล และชอบธรรมที่จะซื้อ ๔) ไป ๆ มามา คุณก็ได้ซื้อถัวเฉลี่ยด้วยเงินที่ก้อนโตมากเกินไป Position Sizing โตเกินไป โตจนจนละเมิดการบริหารความเสี่ยงที่ดีไป -- คุณกำลังเพิ่มความเสี่ยงในการทำลายตนเอง(Risk of Ruin)มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ๕) และถ้าคุณโชคร้าย หุ้นตัวนั้นเป็นตัวซวย การถัวเฉลี่ยผู้แพ้แค่ตัวเดียว ก็ทำลายพอร์ตของคุณได้อย่างง

Mindset ผู้ชนะ ของพี่ Mark Minervini

ประเด็นสำคัญจากบทความ How Early Stock Losses Built A Champion Stock Trader

.

1) โชคดี(ฟลุก)ของมือใหม่

Beginner's Luck ของ Mark Minervini เริ่มต้นในปี 1983 กับหุ้นของบริษัท Allis-Chalmers ผู้ผลิต forklifts และ tractors นี่เป็นหุ้นตัวแรกที่ Mark Minervini เข้าซื้อที่ราคา $4 ซึ่งอยู่ไกล้ ๆ 52-week low แล้วจากนั้นราคาก็พุ่งทะยานขึ้น ทำให้เขาได้กำไรจากมันมากมาย ทำให้เขาคิดว่า "ว้าว...การลงทุนมันช่างง่ายอะไรอย่างนี้" ก็แค่ซื้อหุ้นที่ราคาต่ำที่สุดให้ได้ แล้วก็ถือ แค่นี้ก็รวยแล้ว

.

แต่หลังจากการได้กำไรครั้งนั้น ตลาดก็สั่งสอนเขา ทำให้ 6 ปีจากนั้นเขาไม่เคยได้กำไรเลย แถมหมดตัวไปสองครั้ง (ใช่...กำไรจาก Allis-Chalmers เป็นแค่ความฟลุคเท่านั้นเอง)

.

2) ผู้ชนะใช้การขาดทุนหนักเป็นแรงบันดาลใจ

แต่...ด้วยความที่เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นผู้แพ้ในเกมนี้ แทนที่จะใช้การขาดทุนหนัก หมดตัวเป็นเหตุผลในการล้มเลิก Mark Minervini กลับใช้มันเป็นเหตุผลในการสู้ ใช้มันเป็นตัวเปลี่ยนเกม พลิกให้เขากลับไปเป็นผู้ชนะ

.

3) ใช้ความผิดพลาดเป็นเบาะแสพัฒนาตนเอง

ตั้งแต่ต้นปี 1990 Mark Minervini ใช้เวลาหาคำตอบว่าเขาทำอะไรผิด? จึงได้ขาดทุนซ้ำซากและหมดตัว? จึงได้ไปเจอหนังสือของ Jesse Livermore ผู้เป็นตำนานนักเทรด อ่านแนวทางการคัดหุ้นผู้ชนะของลิเวอร์มอร์ และที่สำคัญเขากลับไปตรวจสอบความผิดพลาดของตนเองอย่างเข้มข้น 

จึงพบจุดอ่อนของตนเอง 2 ประการสำคัญ นั่นคือ

1. เขาปล่อยให้การขาดทุนเล็กๆ น้อย ๆ ขยายใหญ่โต เพราะไม่ยอมตัดขาดทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ (คือไม่ให้เกิน 10%)

2. เขาไม่มีหลักเกณฑ์การลงทุนที่ดีพอ

เมื่อระบุจุด่อนของตนเองได้แล้ว Mark Minervini จึงตั้งปณธานว่า "ฉันจะไม่ทำพลาดซ้ำเรื่องเดิมอีก" ด้วยการไม่ปล่อยให้หุ้นขาดทุนทำลายพอร์ตเขาอีก เขาจริงจังกับการตัดขาดทุน เขาเลิกซื้อหุ้นที่ราคาต่ำสุด หลังจากทำแบบนี้ได้แล้ว เขาไม่เคยเจอการพอร์ตพังอีกเลย

.

4) การหมดตัว ได้สร้าง Great Trader ที่ชื่อ Mark Minervini

ตอนนี้ New Mark Minervini ได้เกิดใหม่แล้ว และคนใหม่คนนี้ก็ยังคงยืนหยัดอยู่รอดและร่ำรวยเป็นเศรษฐีจนกระทั่งวันนี้

.

เขาบอกว่า สิ่งที่ดีที่สุดที่นักเทรดผู้ทะเยอทะยานควรได้เจอตั้งแต่เนิ่น ๆ คือ "การขาดทุนหนัก กระทั่ง พอร์ตพัง หรือ หมดตัว(ได้ก็ยิ่งดี)" เหตุผลก็คือ ความพ่ายแพ้สอนอะไรมากมายเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเกี่ยวกับตัวเขาเอง ที่สำคัญก็คือมันสอนให้คุณเคารพความเสี่ยง

.

5) ฝันให้ใหญ่ ใช้ความยากจนกระตุ้นให้เป็นผู้ชนะให้ได้

ด้วยความที่เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน เขาจึงใช้ความแร้นแค้นนั้นเป็นแรงผลักดันให้เขา "ต้องเป็นคนร่ำรวยให้ได้โดยไม่มีข้ออ้าง" เมื่อใดก็ตามที่เขาขี้เกียจก็จะเอาภาพจำที่แร้นแค้นในอดีตมาเตือนตนว่าอย่าได้เกียจคร้าน และที่สำคัญเขาตระหนักรู้เสมอว่า "ฉันดีเกินกว่าที่เป็นคนยากจน" เขาเห็นภาพตนเองที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวยอยู่ในหัวเสมอ

.

6) อยากชนะ ต้องมี Mindset ของผู้ชนะ

Mark Minervini เชื่อเสมอว่า "ความสำเร็จนั้นสร้างได้" ไม่มีใครเกิดมาแล้วเทรดเก่งเลย เขาต้องสร้าง "Mindset ของผู้ชนะ" ขึ้นมาด้วยตนเอง 

.

7) เรียนรู้ที่จะปลุกยักษ์ในตัว

Mark Minervini รู้พลังพิเศษของจิตใจ ด้วยการสะกดจิตนเอง การตอกย้ำและยืนยันตนเอง ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ การยืนยันตนเองในแต่ละวันก่อนจะครองตำแหน่งแชมป์ในการแข่งขันเทรดหุ้นในสหรัฐฯ ในปี 1997 "ทุกๆ วันเมื่อผมลุกขึ้น ผมจะมองในกระจกแล้วพูดว่า 'สวัสดีตอนเช้า ผู้ชนะ U.S. Investing Championship' " มิเนอร์วินีกล่าว “ผมแค่บอกตัวเองว่าผมชนะแล้ว มันเป็นมากกว่าความเชื่อ คุณต้องอยู่ในพื้นที่นั้น ผมแค่เสียบปลั๊กจิตใต้สำนึกเพื่อพาผมไปที่นั่น”

คนที่สอนเขาให้รู้จักศาสตร์นี้ก็คือ เดล คาร์เนกี โทนี่ ร็อบบินส์ และ ไบรอัน เทรซี นั่นเอง

.

8) เรียนรู้จากคนสำเร็จที่แท้จริง

Mark Minervini  พบว่า ถ้าอยากเป็นผู้สำเร็จ คุณต้องคิดและให้เหมือนพวกเขา จึงตระเวนอ่านหนังสือของผู้ชนะ เพื่อหาจุดร่วมว่า "พวกเขามีอะไรที่เหมือนกัน?" จะได้ทำให้เหมือน อยากสำเร็จแบบเขาคุณต้องเป็นเหมือนพวกเขาให้ได้

.

9) ใช้กฎการเทรด 4 ข้อเพื่อการปั้นพอร์ตให้เติบโตสม่ำเสมอ

1. โฟกัสไปที่การเป็นผู้เชี่ยวชาญสไตล์เดียว

2. หลีกเลี่ยงการขาดทุนขนาดใหญ่และอย่าถวเฉลี่ยขาดทุน

3. เทรดจัดหนักเมื่อคุณได้เปรียบเท่านั้น

4. เทรดเฉพาะหุ้นผู้ชนะเท่านั้น

.

10) เทรดตามตลาด อย่าเทรดนำตลาด

(หลังจากหมดตัวในช่วงหกปีแรก) Mark Minervini  ไม่เคยพยายามซื้อที่จุดต่ำสุด ขายที่จุดสูงสุดเลย เขาแค่ "กินตรงกลาง" เพราะมันคือส่วนที่ดีที่สุดกินง่ายที่สุด

.

11) คำแนะนำสำหรับนักเทรดผู้ไม่อยากแพ้

- “เพื่อที่จะใช้ชีวิตตามที่คุณต้องการอย่างแท้จริง คุณจะต้องซื่อสัตย์ต่อความปรารถนาของคุณ และทำให้ความปรารถนานั้นมีความสำคัญสูงสุด” 

- คุณต้องเสียสละหลายอย่าง “ความสำต้องมีการเสียสละ ผมรับรองได้เลยว่าสำหรับผู้ชนะเลิศเหรียญทองโอลิมปิก การคว้าเหรียญทองมาอยู่ในอันดับต้นๆ ของชีวิต ไม่ใช่สิ่งสำคัญอันดับสามในชีวิต แต่มันคืออันดับหนึ่ง!!”

.

แปล เรียบเรียง และใส่สีตีไข่ จาก https://www.investors.com/news/management/leaders-and-success/mark-minervini-how-early-stock-losses-built-a-champion-stock-trader/


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ