หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมโฟโตนิกส์ของ AI

ลองนึกภาพว่าอุตสาหกรรมโฟโตนิกส์คือ “เส้นเลือดใหญ่” ของยุคข้อมูลความเร็วแสง ทุกครั้งที่ข้อมูลถูกส่งผ่านเคเบิลใยแก้ว ทุกครั้งที่ศูนย์ข้อมูลต้องประมวลผลมหาศาล หรือแม้แต่ตอนที่อุปกรณ์ AI ต้องเชื่อมต่อกัน—เบื้องหลังทั้งหมดคือเทคโนโลยีแสงที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนโลกดิจิทัลแบบเงียบๆ --- 1) อุปกรณ์ออปติคอลและทรานซีฟเวอร์ เหมือนเป็น “ท่อส่งสัญญาณความเร็วแสง” ที่ช่วยให้ข้อมูลไหลแบบไม่ติดขัด บริษัทในกลุ่มนี้ผลิตส่วนประกอบสำคัญ เช่น เลเซอร์ ฟิลเตอร์ และทรานซีฟเวอร์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณไฟฟ้าเป็นสัญญาณแสง (และกลับกัน) เพื่อส่งข้อมูลระหว่างศูนย์ข้อมูลหรือเครือข่ายความเร็วสูง Lumentum (LITE) ผู้เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์ความแม่นยำสูง Coherent (COHR) ผู้เล่นรายใหญ่ในอุปกรณ์แสง ตั้งแต่สื่อสารจนถึงอุตสาหกรรม Applied Optoelectronics (AAOI) โดดเด่นในทรานซีฟเวอร์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ทำไมนักเทรดควรสนใจ? เพราะทุกครั้งที่ความต้องการ AI เพิ่มขึ้น ความต้องการส่งข้อมูลก็เพิ่มตาม และกลุ่มนี้คือหัวใจของการขยาย bandwidth แบบก้าวกระโดด --- 2) ซิลิคอนโฟโตนิกส์และ Co-Packaged Optics นี่คือเทคโนโลยีที่หลายคนมองว่าเป็น “อนาคตของ...

การเทรดคือการบริหารจัดการจิตใจตัวเอง



การเล่นหุ้นมันเป็นการบริหารจัดการสิ่งที่อยู่ข้างหน้า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหน้ากับความฝันที่เรามี

คืออย่างที่บอกไปว่าเราซื้อหุ้นน่ะเราก็หวังให้มันวิ่งขึ้นทำกำไรให้เราใช่ไหมครับ
แต่ว่าบ่อยครั้งมากที่ราคาหุ้นมันไม่ทำตัวตามที่ใจเราหวังไง
มันพร้อมที่จะทำให้เราขาดทุนอยู่ตลอดทุกครั้งที่เราซื้อ
นี่แหละคือปัญหา

มันเป็นความท้าทายว่าใครสามารถบริหารจัดการกับ
สิ่งที่เกิดขึ้นที่มันเป็นความจริง
กับความฝันที่เราอยากจะได้กำไรดีกว่ากัน

คือถ้าเราคิดว่าตลาดหุ้นมันต้องทำให้เราได้กำไรตลอดเวลานี้
ผมว่าคิดแบบนี้ไม่รอด มีโอกาสขาดทุนเละเทะสูงมาก

ซึ่งนี่เป็นความเชื่อของนักเล่นหุ้นมือใหม่ส่วนใหญ่ที่ยังไม่มีประสบการณ์
อ่านหนังสือมามันก็มีแต่ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จใช่ไหมครับ
พอเราเล่นหุ้นเราก็คิดว่าตัวอย่างมันก็ต้องเป็นไปตามทฤษฎีที่เขาบอกในหนังสือแหละ
แต่ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น
มันมีความเหมือนกับทฤษฎีแค่ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์นั้นมันไม่ตรงเลย

แต่เราไม่รู้ไง
เพราะเราไม่รู้ก็เกิดความลำเอียงเอาตำรามาอ้างทำให้เราเสียหายมากขึ้น

ดังนั้นผมเลยอยากนำเสนอท่านแบบนี้ว่า
ให้มองว่าตลาดหุ้นมันมีโอกาสเกิดได้ 2 อย่าง ก็คือว่า
ทำตามใจเรา กับขัดความรู้สึกเรา

ซึ่งมันเป็นเหมือนชีวิตเราอ่ะครับ
เพราะว่าชีวิตเรามันก็ไม่มีอะไรที่มันได้ดั่งใจเราทุกอย่างหรอก
ส่วนใหญ่มักจะขัดใจเราตลอดแหละ

หน้าที่เราก็คือว่าถ้าเกิดความขัดใจแล้วเราจะอยู่กับมันได้ยังไง
เราจะถอยออกมาเพื่อที่จะลดความเจ็บปวดเราดีไหม
หรือว่ายอมทนสู้ต่อไป
ตรงนี้แหละสำคัญ

ซึ่งผมว่าในมุมมองนะ การถอยออกมาจะดีกว่า
เพราะว่ามันมันเป็นสิ่งที่ผมเจอมาโดยตลอดในช่วงเวลา 5-6 ปีที่เล่นหุ้นมา

ก็คือว่าตลาดหุ้นมักจะทำตัวตรงข้ามกับสิ่งที่เราคาดหวังเสมอไง
ดังนั้นแทนที่เราจะสู้แล้วก็พยายามทนดู
มีความหวังว่าราคาหุ้นจะต้องวิ่งทำให้เรามีกำไรนั้น
ผมว่าเป็นวิธีการที่ผิด

ยิ่งทนยิ่งมีความหวัง
ยิ่งเสียหายเยอะ

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว การยอมรับชะตากรรมว่าเราคิดผิดมันเป็นสิ่งที่สมควรทำมากกว่า
ตรงนี้ล่ะครับที่มันเป็นเหมือนกับเปลี่ยนวิธีคิดของเรา

ว่าแทนที่เราจะสู้กับตลาด ก็เป็นการยอมรับตลาด
โดยการให้ความเสี่ยงนำก่อนโอกาส

คือถ้าเราซื้อแล้วราคาหุ้นไม่ยอมไปต่อทำให้ขาดทุน
เรายอมชักเงินออกมาก่อน
ถ้าทำแบบนี้ได้ผมว่าเราจะมีความสบายใจกับตลาดมากขึ้น
และทำให้เงินต้นของเราไม่เสียหายมาก
เท่ากับการทนสู้ด้วยความหวังว่าตลาดหุ้นจะเข้าข้างเรา


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

$BMNR ทำธุรกิจอะไร? จุดแข็ง/จุดอ่อน และตัวเร่ง

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

แนะวิธีดูกราฟหุ้นเบื้องต้น

ทฤษฏีวัฏจักรตลาดหุ้น (Market Cycle)

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน