เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการเทรดหุ้น คุณไม่ต้องรอบรู้ไม่ต้องเก่งทุกเรื่องและทุกอย่างหรอก ทำแค่ 7 เรื่องนี้ให้ได้ก็พอ....

Image
เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการเทรดหุ้น พี่มาร์คบอกว่า คุณไม่ต้องรอบรู้ไม่ต้องเก่งทุกเรื่องและทุกอย่างหรอก ทำแค่ ๗ เรื่องนี้ให้ได้ก็พอ.... ๑) (ในยามที่ตลาดยากลำบาก/กลยุทธ์ของคุณไม่เวิร์ค) พัฒนาความสามารถในการควบคุมตนเองให้นั่งเฉย ๆ ไม่เทรด -  บังคับตนเองให้ถือเงินสดเป็นระยะเวลานานได้โดยไม่เทรด และไม่ปล่อยให้ดัชนีกดดันให้คุณบังคับตัวเองให้ต้องเทรดทั้ง ๆ ไม่มีหุ้นที่ตรงตามเกณฑ์การซื้อของคุณ ๒) จำกัดความสูญเสียทั้งหมดให้มีขนาดน้อยเมื่อเทียบกับขนาดของรางวัล ๓) เมื่อการเทรดของคุณเวิร์ค ให้ขยันเทรดเพื่อให้กำไรทบต้นมากที่สุด ๔) เมื่อการเทรดของคุณไม่เวิร์ค ให้หยุดเทรด หรือเทรดให้น้อยที่สุด เพื่อลดการทบต้นความผิดพลาดให้เหลือน้อยที่สุด ๕) อย่าถัวเฉลี่ยหุ้นที่ขาดทุน ๖) อย่าปล่อยให้กำไรก้อนโตกลายเป็นขาดทุน ๗)  เคารพความเสี่ยงและมีวินัย บังคับตนเองให้ทำตามกฎและแผน-แทนที่จะทำตามอีโก้ให้ได้ตลอดเวลา

เล่นหุ้นตามฝูง ไม่รุ่ง มีแต่เจ๊ง?


"การเล่นหุ้นตามฝูงชน" มักจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่จะทำให้นักเทรดขาดทุนยับเยิน
ถ้าได้ไปอ่านเว็บต่างประเทศ ก็ไม่ว่าจากแหล่งไหน ก็บอกตรงกัน

ยิ่งนักลงทุนสายวีไอ ยิ่งแล้วใหญ่ พวกเขาชอบใช้ความบ้าคลั่งของฝูงชนเป็น "อินดิเคเตอร์" ซื้อขาย
"ซื้อเมื่อเลือดไหลนองวอลสตรีท" และ"ขายเมื่อฝูงชนบ้าคลั่ง"
เขาพูดกันถึงขนาดนี้เลย

บ้านเราก็มีกูรูเทพอย่างคุณวิชับ จาวลา เจ้าของ "ทฤษฎีผลประโยชน์"
ท่านบอกว่า "Mass ผิดเสมอ" คนส่วนมากมักขาดทุน
มีแต่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่กำไร



ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?

มีตัวอย่างคลาสสิคหนึ่งที่ชี้ให้เห็นโทษ
ท่านเคยได้ยินชื่อ "นิโคลาส ดาร์วาส" กันมั้ยครับ?
เขาเป็นหนึ่งในตำนานนักเทรดที่ทำเงินมหาศาลจากตลาดหุ้น
เจ้าของ "ทฤษฎีกล่อง" นั่นเองครับ
ท่านสามารถอ่านได้จากบทความ Nicolas Darvas Trading System ครับ

ก่อนที่ทวดดาร์วาส จะประสบความสำเร็จจากตลาดหุ้น
ก็เจอพิษของการ "เล่นหุ้นตามผูงชน" มาอย่างน้อยสองครั้ง

ครั้งแรก หลังจากที่ได้กำไรหุ้นอย่างฟลุคๆ ก็เข้ามาเล่นหุ้นในตลาด
ด้วยความเชื่อว่า ใครก็ตามที่เล่นหุ้นก่อน เขาย่อมรู้มากกว่า งั้นขอหุ้นตรงๆไปเลย
เพราะพหุ้นที่ฟลุคได้กำไร มาจากคนวงใน เขาจึงหาหุ้นจากข่าวลือ
หุ้นตัวไหนก็ตามที่คนพูดถึงเยอะๆ มีข่าวลับๆ ยิ่งน่าสนใจ

ผลก็คือ "ได้หุ้นเยอะมาก"
และก็ "ขาดทุนเยอะมาก" เช่นกัน
เพราะส่วนใหญ่มักจะได้ซื้อหุ้นร้อนแรง ราคาวิ่งไปไกลแล้ว
หรือพอเข้าไปก็เจอขายหุ้นใส่มือ จนต้องอมแหม่มดำไว้ตั้งแต่ต้น

เมื่อตรวจสอบบัญชีการซื้อขาย ก็พบว่าถ้าเป็นแบบนี้ไม่รอดแน่
ไม่เงินซื้อหุ้น เพราะมีแต่หุ้นขาดทุนเต็มพอร์ต
จึงเลิกเล่นหุ้นด้วยการตามข่าว
ไปหาหุ้นเอง สร้างแนวทางการเทรดเอง จนกระทั่งได้ "ทฤษฎีกล่อง"

เมื่อเทรดตามทฤษฎีได้เงินมากขึ้น ก็เกิดความโลภ
คิดจะเอาดีทางด้านการเทรดไปเลย
จึง "ซื้อที่นั่ง" ในห้องค้า เพื่อจะเป็น Full time trader
ต้องขยายความสักนิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกว่า 50 ปีแล้ว ในอเมริกา
ยังไม่มีอินเตอร์เน็ท หากอยากซื้อขายแบบ real time ต้องอยู่ในห้องค้าหุ้น

เมื่อได้ที่นัง VIP แทนที่ ดาร์วาสจะกำไรหุ้นมากขึ้น
กลับกลายเป็นว่าต้องกลับไป "ขาดทุนยับเยิน" อีกรอบ

ทำไมน่ะหรือ?
เมื่อเจอคนมากขึ้น ก็ได้ข้อมูลมากขึ้น ประเดประดังเข้ามา
ทุกข่าวล้วนน่าตื่นเต้น เห็นโอกาสทำเงินทั้งนั้นเลย

ดาร์วาส ทิ้ง "ทฤษฎีกล่อง" ไป "เล่นหุ้นตามข่าว" ไปซะอย่างนั้น
ผลที่ออกมาก็เดาไม่ยากใช่มั้ย? "ขาดทุนยับเยิน" อย่างที่บอกไป

eBook ที่ Mebmarket 
ตามลิงค์นี้ครับ http://bit.ly/zyoebooks

พอมีเวลาทบทวนพอร์ตตัวเองอีกรอบ
ก็ต้องตบกระโหลกตัวเองฉาดใหญ่
ควายล้วนๆ ไม่มีวัวปน
เพราะไม่ได้เล่นตามหลักการของตนเอง
หลงลม ตื่นเต้นกับข่าวลือมากไป จึงซื้อแต่หุ้นไร้สาระ
เข้าไปก็เจอปล่อยของใส่มือ "อมแหม่มดำ" ตั้งแต่จั่วแรก

เมื่อรู้ตัว ก็สร้างกฎใหม่
"ฉันจะต้องอยู่ห่างๆ ฝูงชนเอาไว้"
"ฉันจะไม่ซื้อหุ้นตามข่าวดี"
"ฉันจะเทรดตามหลักการกล่องของฉันเท่านั้น"
ฯลฯ

จากนั้นพอร์ตก็กลับมาเขียว และพุ่งทะยานเป็นมหาเศรษฐี อีกครั้ง

นี่คือตัวอย่างของความเสียหายที่เกิดจาก "การตามฝูงชน" ในตำนานครับ
ผมเองก็เจอ แต่ไม่ร้ายแรงเท่าทวดดาร์วาสเค้า
จึงเห็นด้วยว่า การเล่นหุ้นตามฝูงชนนั้น "ไม่รุ่งแน่"


ไหนๆ เมื่อมีโอกาสเขียนได้เขียนเป็น
ก็เลยมาตีแผ่ เจาะลึกถึงที่มาและวิธีแก้กัน

ทำไมพวกเราถึงชอบเล่นหุ้นตามฝูงชน หรือข่าวลือ
๑) หาหุ้นเองไม่เป็น
เหตุผลนี้ฟังดูทั้งน่าสงสาร และน่าสมเพช ไปในความเดียวกันนะครับ
เพราะความที่พวกเรา "ไม่มั่นใจในตัวเอง" นั่นแหละ ที่เป็นต้นตอ
เพราะกลัวทำผิด กลัวพลาด เนื่องจากตลาดหุ้น "เป็นโลกใหม่" ที่เพิ่งเข้ามา
เราจึงทั้งกลัวและเกร็ง แต่ก็อยากรวย
สิ่งที่ทำได้คือ หา "หลักยึด" เพื่อเกาะไปชั่วคราว
การเข้าไปในเว็บบอร์ด pantip จึงเป็นทางเลือกที่ง่ายสุด
นั่นแหละครับ จุดเริ่มต้นของ "หายนะ"

๒) โลภเกินความรู้
นักเทรดมี ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ "รู้จักตัวเองดี" และ "ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่"
กลุ่มแรกมีน้อยมาก เพราะต้องอาศัยการข่มใจ และตรวจสอบตัวเอง
เมือทำยาก คนที่มักง่ายจึงเป็นกลุ่มหลัง

เมื่อไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่
ก็กลายเป็น "ไม้หลักปักขี้เลน" สิครับ
พวกเฮไหน เราก็ไปเฮที่นั่น

อะไรที่คนส่วนใหญ่ว่าดี นักวิเคราะห์เชียร์ กูรูแนะนำ
ซื้อตามหมด ก็ไม่ต้องคาดเดาผลให้ยากนะ ว่าจะเละแค่ไหน

๓) อยากรวยเร็วๆ ง่ายๆ
ให้ท่านนึกถึง "การตกทอง" ไว้เลยครับ
คนที่ตกเป็นเหยื่อตกทองนั้น ไม่ต่างอะไรกับนักเล่นหุ้นที่อยากได้แจ๊คพ็อตสิบเด้ง
โดยไม่ได้ทำการบ้านอะไรเลยแม้แต่นิด

สิ่งที่เขาทำคืออะไรรู้มั้ยครับ?
หาข้อมูลที่เคยทำให้ใครสักคนรวยฉับพลัน มาสักเรื่อง
แล้วก็เลียนแบบ ซื้อตามสูตรนั้น

คุ้นๆ กับการ "ซื้อหวยหรือล็อตเตอรี่" มั้ยครับ?
เกจิวัดไหนให้แม่น หัวกระไดวัดไม่เคยแห้ง เสาร์อาทิตย์ หาที่จอดรถไม่ได้
คนเฮโลไปปิดทอง เสี่ยงเซียมซี หรือไปหาเบาะแสเลขเด็ด

เมื่อเคยมีคนถูกมาก่อน
เราอยากเป็นผู้โชคดี อยากได้มากกว่านั้น
มหกรรมขายบ้านขายรถ เพื่อซื้อเลขเด็ดก็เกิดขึ้น

ผลน่ะหรือ?
ไม่เคยได้ยินข่าวว่า คนที่ทำแบบนี้ ตั้งใจเกินเบอร์แบบนี้ จะได้โชคเลยแม้แต่คนเดียว
พวกที่ซื้อแบบไม่ตั้งใจ ใช้เงินเล็กๆน้อย กลับได้โชคก้อนใหญ่ไป

หุ้นก็เหมือนกันครับ
เคยได้อ่านหนังสือว่ามีคนกำไร IEC ห้าเด้ง ก็เอาบ้าง
ซื้อตาม ขายบ้านขายรถมาซื้อ ต้องการรวยกว่าต้นตำหรับ

ผลน่ะรึ SP ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
(ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นนะ)

ดังนั้น อย่ากระนั้นเลย
เลิกคิดแบบที่ว่ามาทั้งหมดตั้งแต่เสียวันนี้
เอาแบบผมก็ได้ เพราะเคยเป็นมาก่อน แต่ก็เพิ่งกลับตัวกลับใจได้ไม่นานนี้เอง

สิ่งที่ทำให้ผมคิดได้ ก็คือ การขาดทุนหนักๆ และมีหุ้นเน่าขาดทุนเต็มพอร์ตนั่นแหละครับ
พอถึงจุดหนึ่ง มันทนไม่ไหวจริงๆ ไม่มีเงินเหลือให้ซื้อหุ้นดีๆ
คือเราก็อ่านหนังสือเยอะไง เห็นเคสคนที่เขาเล่นหุ้นแล้วประสบความสำเร็จ
ไม่มีใครเทรดตาม Mass เลย พวกเขาคิดเอง หาหุ้นเองทั้งนั้น
แถมได้หุ้นดีๆ ตั้งแต่ต้นเทรนด์ ฟันกำไรงามๆ ก่อนที่จะขายหุ้นให้กับพวกเราที่เล่นหุ้นตามข่าว



แล้วแนวทางผู้ประสบความสำเร็จเขาทำยังไงหรือ?
๑) เขาสร้างความรู้สึกรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง
ข้อนี้เป็นจุดเริ่มต้นเลยครับ คือคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุของผลกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เราล้วนมีส่วนกับผลกรรมที่เกิดกับเรา ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม

เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นต้นตอ ก็จะทำให้ระวังขึ้นครับ
คิดเยอะขึ้น และมีการตรวจสอบตัวเองเข้มข้นขึ้น

๒) เขาสร้างแนวทางการเทรดของตัวเอง
อาจจะลอกมาก่อน แต่ก็พยายามประบแก้ ให้เหมาะกับตัวเอง

ก็มาจากการรู้ว่าตัวเองเป็นต้นตอของผลกรรมทั้งหมดนั่นแหละ
ถ้าอยากได้กรรมดี ก็ต้องทำแต่สิ่งที่ดีๆไว้ก่อน
โดยการเลียนแบบคนอื่น

ยกตัวอย่างผมเองนะ
ผมลอกแบบการเทรดจากพี่มาร์ค ปู่โอนีล แบบเต็มๆเลย
โดยเฉพาะการดู price pattern และดูพื้นฐานกิจการ

แต่ด้วยความที่เราเองก็ไม่ได้เก่งเท่าต้นแบบ
จึงมีการตัดทอนหลายสิ่งหลายอย่างออกไป
แต่ main idea ยังเหมือนเดิม

ผมยังชอบการซื้อแบบ breakout จากฐานราคาอยู่
แต่ก็ไม่เน้นที่ vcp หรือ cup with handle แบบต้นฉบับ
ผมกลับชอบ gap และการยืนยันขาขึ้น มากกว่า

การทนรวย เพราะต้นฉบับไม่ได้ลงรายละเอียดมาก
ผมก็เลยต้องหาแนวทางเอง ก็ได้การดูเส้นค่าเฉลี่ย หลากหลายแบบมาช่วย

การขายออก ต้นฉบับบอกรายละเอียดไม่เยอะเช่นกัน
ผมก็ต้องหาทางปรับให้เหมาะกับตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นการ stop loss, take profit ซึ่งมีทั้ง "เป๊ะ" และก็ "เละ"
แต่ก็ยิ่งพอได้ทำก็ยิ่งเห็นแนวทางที่ลู่เข้าไกล้ความแม่นมากขึ้น

ฉะนั้น "การลงมือทำ" นี่แหละครับที่เป็น ปัจจัยสำคัญที่สุด
ถ้าคุณลงมือทำมากพอ มีการตรวจสอบตัวเอง ปรับปรุงไปเรื่อยๆ
คุณจะเห็นพัฒนาการของตัวเอง ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งเทรดยิ่งเห็นความก้าวหน้า
มันจะเกิดความภูมิใจขึ้นมา

อีกไม่นาน คุณจะมีแนวทางของตัวเอง
คุณจะเก่งที่สุดในโลก เฉพาะทางของคุณเอง
เพียงแค่คุณ "เริ่มลงมือทำ" ตั้งแต่ตอนนี้เลยครับ



((โฆษณา))
 เล่นหุ้นขาดทุน อย่าเพิ่งขาดใจ
ยังมีคนโดนหนักกว่าคุณอีก 
นี่คือความรู้ที่เขาได้จากการขาดทุน
ความรู้หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท
ลองหาอ่านดู เผื่อท่านจะได้เห็นทางออก

มีขายเป็น eBook แล้วที่ mebmarket.com
ดูรายละเอียดที่ bit.ly/zyoebook3

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการเทรดหุ้น คุณไม่ต้องรอบรู้ไม่ต้องเก่งทุกเรื่องและทุกอย่างหรอก ทำแค่ 7 เรื่องนี้ให้ได้ก็พอ....

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน