สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

วิธีพัฒนาสมองให้เหมาะกับการเทรด

แปลจาก www.investopedia.com/articles/basics/13/how-to-develop-trading-brain.asp

"ศัตรูตัวร้ายเบอร์หนึ่งของนักเทรดคือ ความกลัว โดยเฉพาะความกลัวขาดทุน"

จากหนังสือ radingpsychologie, ปี 2012 โดย Norman Welz

"นักเทรด ต้องมีวินัย"

การจะมีวินัยได้ ต้องทำความเข้าใจกลไกสมอง และ ใช้ให้เป็นประโยชน์

"การเทรด คือ ธุรกิจที่อันตรายสูงที่สุด ที่มนุษย์ได้ทำกัน "trading is the most insecure business you can be in,"

เพราะ "เราไม่ได้แค่เทรดสินทรัพย์และเงินหรอก แต่นักเทรดเองยังกลายเป็นเงินไปเสียเอง" ("we don't just trade assets and money, we become the money,")


ถ้าอยากเทรดให้ได้ประสิทธิผลสูงสุด นักเทรดต้องมี mindset ที่ถูกต้องด้วย

ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะเราต้องตัดตอน แยกแยะ ปัจจัยเกี่ยวโยงกัน ที่จิตใจ mindset หรือการรับรู้ของเราได้ปะติดปะต่อกันไว้ "ในสมองของเรา"


ความเชื่อของตัวเราเองนั้น มาจากการได้รับแรงบันดาลใจจากครอบครัว เพื่อน สิ่งแวดล้อม สังคม สื่อ หนังสือ ที่เราคลุกคลีอยู่ตลอดเวลา "คุณคือสิ่งที่คุณใช้ชีวิตอยู่ด้วย"

เหล่านี้ได้กลายเป็น patttern ในสมองเรา ที่เป็นเส้นทางสมองในการตีความสิ่งที่ได้รับ ให้มองเป็นแบบนั้นแบบนี้

(ปล. ให้นึกถึงการเขียนโปรแกรม ถ้าใครทันในยุคที่ใช้ MS DOS อาจจะเคยเขียนโปรแกรมคำสั่ง if...then

ถ้าเกิดสิ่งนั้น จะต้องทำสิ่งนี้

นั่นแหละ คือกลไกสมองของเรา

เราไม่ได้ตัดสินสิ่งเร้าจากความจริงหรอก เราจะตัดสินจากการประมวลผลของสมอง ซึ่งมันถูกบันทึกข้อมูลแบบ if then เอาไว้ก่อนแล้ว ผ่านประสบการณ์ ผ่านการรับรู้

ถ้าไม่เชื่อ ให้ลองนึกดู คุณจะตอบโต้อะไรสักอย่างได้ ชอบหรือเกลียด คุณย่อมรู้คุณค่าของมันมาก่อน

ยกตัวอย่างง่าย ๆ คือ การชูนิ้วกลาง

ถ้าคุณไปชูให้คนป่าดู เขาจะงง ไม่เข้าใจความหมาย

แต่ถ้าไปชูในเมือง ให้ใครสักคน อาจโดนกระทืบ

นี่คือตัวอย่างที่ชัดที่สุด)


นักเทรดไม่เคยให้ความสำคัญกับเรื่อง "กลไกการตอบสนองทางจิตใจ หรือ psychology เลย เพราะคิดว่า "ฉันเป็นนายตัวเอง" ซึ่งเป็นการเข้าใจที่ผิดอย่างมาก" เพราะ เราล้สนเป็นทาสของจิตกันทั้งนั้น คำโบราณยังบอกไว้เลยว่า "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว"


Welz เชื่อว่าการเทรดนั้น 100% มาจากใจของนักเทรดเอง

ถึงกับบอกว่า "ถ้าไม่มีสมอง ก็จะไม่มีทางเกิดตลาดเก็งกำไร"ความแข็งแรงทางจิต จึงเป็นรากฐานสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรด Welz เชื่อแบบนี้ เพราะ 95% ของการลงมือทำ/การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของเรา ล้วนถูกส่งตรงมาจากจิตใต้สำนึก ซึ่งเราได้ตอบสนองซ้ำ ๆ จนกลายเป็นนิสัย ถ้าทำได้ถูกต้องก็เสมอตัว แต่ถ้าผิดพลาดก็จะเป็นการทำลายตัวเองไปอย่างช้า ๆ


Welz ได้ทำการศึกษานักเทรด 120 คน ด้วยการให้ระบบเทรดที่ได้รับการพิสูจน์ว่าชนะตลาดมาตลอด 20 ปี กับพวกเขา

พบว่ามีนักเทรดแค่ 1 คน ที่ได้กำไร และชนะตลาด ที่เหลือ 119 คน ขาดทุนเละเทะ

สาเหตุที่เขาพบก็คือ "สภาพจิตใจ mindset ที่ไม่ถูกต้อง" ทำให้มีกระบวนการทางจิต(ตัดสินใจ)ที่ผิดพลาดไปหมด

"ความสำเร็จเริ่มต้นจากความคิด Success comes from the head , Welz บอก

แม้คุณจะใช้ระบบเทรดที่ดี ชนะตลาดแน่นอน แต่ถ้าหากทัศนคติ และ สภาพจิต psychology ไม่ถูกต้อง การตีความของคุณก็จะผิดเพี้ยนไปจากแนวทางที่ควรจะเป็น ไปคนละทางกันเลย


งานของ Welz คือการช่วยนักเทรดพัฒนาสมองให้เหมาะสมกับงาน โดยเฉพาะช่วยให้นักเทรดเอาชนะความกลัว ซึ่งวิธีการนี้เคยช่วยให้นักกีฬาแข่งขันจนได้ชนะเลิศเป็นแชมป์โอลิมปิคมาแล้ว

และเมื่อ Welz เอาแนวทางนั้นมาใช้กับนักเทรด ก็ได้ผล ช่วยให้ทำกำไรได้ดีมาก ด้วยการที่ทำให้นักเทรดคนนั้นใช้พลังทางจิตที่ถูกต้อง, สร้างแรงกระตุ้น, และสร้างพฤติกรรมที่ถูกต้องด้วย

ถึงกระนั้น เขาบอกว่า นักเทรดแต่ละคน ล้วนมีความเป็นปัจเจก unique  ทางจิต มีกรอบ มีขอบเขตที่แตกต่างกัน


วินัยทางการเทรด มาจากการปรับปรุงลักษณะพฤติกรรม ให้สอดคล้องไปกับเป้าหมาย/เส้นทางที่ถูกต้อง รวมถึงต้องทลายกรอบทางจิต(ความเคยชินเดิม - ความกลัว)ที่ขัดขวางไม่ให้ก้าวข้ามได้ง่าย ๆด้วย


ความจริงแล้วสมองที่เหมาะสมกับการเทรดนั้น ต้องมีการผสมผสานที่ดีระหว่าง "แนวทางการลงทุนที่ถูกต้อง" กับ "ความรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้น/เก็งกำไร" ให้เข้ากับมุมมองในการลงทุนที่ถูกต้อง

ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าทักษะในการเทรดจะไม่สำคัญนะ เพียงแต่ว่าถ้า mindset ไม่ถูกต้อง การลงมือทำ/การตอบสนองและพฤติกรรมก็จะเพี้ยนไปจากสิ่งที่ควร

(นึกถึงนักเตะที่เคยเก่ง ทักษะเลิศ แต่สภาพจิตไม่สู้ มักจะทำอะไรติด ๆ ขัด ๆ ไม่เนียนตาเหมือนตอนรุ่ง ๆ)

Welz บอกว่า แม้นักเทรดจะรู้จัก price pattern อย่าง "flags, triangles, and channels or stops and trading ranges," หรือ อ่านแนวโน้มออกก็ตามที แต่ถ้าเขาไม่กล้าเข้าไปเทรด ก็เท่านั้น  "นักเทรดที่สำเร็จจะไม่กังวลกับการเข้าซื้อขาย (ถ้ามันส่งสัญญาณซื้อ/ขายให้)

ที่ไม่กล้า เพราะเขากำลังดิ้นรนต่อสู้กับอารมณ์มากมายที่เข้ามาขัดขวางและครอบงำ เกิดความวิตก ไม่ให้ลงมือ


Welz บอกว่าทุกคนสามารถเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จได้ ถ้าเขามีการ "ลงทุนในตัวเองอย่างจริงจัง" 

ถ้าหากคุณมีทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเทรด + ความรู้/ทักษะทางการเงิน +  มีข้อมูลที่ดี + ทำการบ้านมาดี ยิ่งทำให้คุณมีผลงานโดดเด่นกว่าคู่แข่ง


Welz ยังบอกว่า อย่าได้คิดว่า คุณจะสามารถเริ่มต้นด้วยเงินก้อนน้อย ๆ แล้วป้อนพอร์ตให้โตจนมีอิสรภาพทางการเงิน หรือเป็นมือโปรได้ภายใน 6 เดือน - มันเป็นไปไม่ได้หรอก ทุกอย่างต้องใช้เวลาและการอุทิศตัวเอง "ไม่เสียสละ ชัยชนะก็ไม่เกิด"


สรุป

นักเทรดส่วนใหญ่มักจะมองข้ามความสำคัญของจิตใจ psychology ประเมินเรื่องนี้ต่ำเกินไป โดยให้ความสำคัญน้อยกว่าเทคนิคหาจังหวะซื้อขาย

ทั้งเทคนิค และ จิตใจ ต่างมีความสำคัญ

แต่ถ้าจิตใจคือด้านความคิด ความเชื่อ ไม่ถูกต้องแล้ว แม้ความรู้ทางเทคนิคจะดี ก็จะลงมือทำถูกต้องได้ยาก

ทัศนคติ ความเชื่อ คือ สิ่งที่แยกแยะว่าใครจะประสบความสำเร็จ ใครจะล้มเหลว 

ถ้าเชื่อถูกต้อง ก็ จะสำเร็จ

ถ้าเชื่อผิด ก็จะล้มเหลว

(แต่ก็เปลี่ยนกันได้นะ ไม่ใช่เป็นเรื่อง born to be)

ถึงกระนั้น การเรียนรู้เทคนิคซื้อ/ขาย นั้นทำง่ายกว่า เข้าถึงได้ง่ายกว่าคนละเรื่องกับการทำความเข้าใจและเอาชนะจิตของตนเอง

เพราะการพยายามเอาชนะตัวเองนั้น คุณต้องรื้อ/ปรับโครงสร้างชุดความคิด พฤติกรรม ความเชื่อ อย่างจริงจังและเข้มข้น เพื่อที่จะให้เกิดการจัดรูปแบบพฤติกรรมใหม่ การตีความตอบสนองใหม่ที่ถูกต้องนั่นเอง "สันดอนเปลี่ยนง่าย แต่สันดานเปลี่ยนยาก" เรื่องการเปลี่ยนสันดานจึงบากเย็นแสนเข็ญ ต้องอาศัยการเสียสละ ทุ่มเทเวลา เคี่ยวกรำตนเอง และจะดีมากหากมีโค้ชคอยดูแลด้วย

ถึงกระนั้น แม้กระบวนการเปลี่ยนแปลงจะยากลำบาก แต่ถ้าปรับปรุงให้คิดและทำในสิ่งที่ถูกต้องได้แล้ว ผลตอบแทนที่คุณจะได้จากนั้น บอกเลยว่า "โคตรคุ้ม"

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks