ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล

Image
ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล แล้วลองผลักน้ำจากฝั่ง ทำคลื่นดันกลับเข้าไปหาทะเล สร้างคลื่น สู้กับทะเล ลองทำดู ทั้งคลื่นลูกเล็ก และคลื่นลูกใหญ่ คุณจะพบว่า ไม่ว่าคุณจะสร้างคลื่นดันกลับไปในรูปแบบไหน คุณจะไม่มีทางชนะคลื่นจากทะเลได้เลย  ไม่มีทาง ความจริงที่คุณได้จากเรื่องนี้คือ "ตลาดจะถูกเสมอ" . Market Wizards ยอมรับตรงกันว่า "ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ" พวกเขาไม่เคยหัวเสียกับตลาด(เพราะเคยทำมาแล้วในตอนเป็นมือใหม่) พวกเขาไม่เคยโทษตลาด(เพราะเคยทำมาแล้วในตอนเป็นมือใหม่) . พวกเขาแค่ยอมรับว่าตลาดจะทำในสิ่งที่มันจะทำ พวกเขาแค่ยอมรับว่าเขาไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ จากนั้นสิ่งที่พวกเขาทำก็คือ ๑) อ่านตลาด ๒) แยกแยะความเสี่ยงกับโอกาสให้ได้ ๓) หาโอกาสทำเงินเมื่อตลาดให้โอกาส และอยู่เฉย ๆ ถือเงินสดเมื่อตลาดเป็นความเสี่ยง ๔) คิดก่อนเสมอว่า "ถ้าตลาดไม่ให้เงิน(เทรดขาดทุน) ฉันจะยอมเสียกี่บาท" การเอาตัวรอด คือเป้าหมายแรกของยอดนักเทรด เพราะคิดแบบนี้...ไม่ว่าตลาดจะร้ายแค่ไหน ยอดนักเทรดก็จะรอดเสมอ #จิตวิทยาการเทรด #ปั้นพอร์ต #วินัยนัก

ซื้อที่ EMA200 ขายที่ EMA10

โดย เซียว จับอิดนึ้ง : facebook.com/zyoit
หนังสือ "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" และ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่"

ติดต่อสั่งซื้อหนังสือทั้งสองเล่ม ได้ที่เพจ zyobooks : facebook.com/zyobooks ครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++
ปล. บทความนี้ ถูกรวมไว้ในเล่ม "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" ครับ
---------
มีไอเดียหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย คือ ซื้อที่ EMA200 ขายที่ EMA10
เพราะหุ้นบางตัวก็ย่อแรงเกินไป แต่ก็ด้วยความที่ยังมีแรงสนับสนุนจากใครสักกลุ่ม ซึ่งอาจจะเป็นนักลงทุนวงใน หรือรายใหญ่ก็ตามที ได้เข้ามารับหุ้นบริเวณโซนของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แล้วเด้งแรง ซึ่งเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันนี้น่ะ ถือเป็นเส้นที่นักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนระยะยาวใช้เป็นจุดซื้อหุ้นเพิ่มกัน จึงไม่แปลก ถ้าเป็นหุ้นพื้นฐานดีๆ มักจะหยุดลงบนเส้นนี้กัน จากนั้นก็ดีดกลับขึ้นไปทำนิวไฮได้อีก
อารมณ์คล้ายๆกับการ "พักเหนีื่อยในขาขึ้น" น่ะครับ พักเพื่อสะสมกำลังเพื่อที่จะทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีก
ซึ่งการดีดกลับในครั้งใหม่นั้น ราคาวิ่งแรงมาก จนสามารถใช้เส้นค่าเฉลี่ย 10 วันช่วยเป็นฐานรองรับการขึ้นได้ แถมยังช่วยระบุจุดขายทำกำไรระยะสั้นๆได้เช่นกัน
ตัวอย่างก็คือหุ้น PM
จากภาพ ให้เริ่มไล่สายตาดูตั้งแต่จุด (1) ที่ผมระบุไว้นะครับ มันได้เปิด gap ข้ามเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นไปได้ด้วยแท่งเขียวเกือบเต็ม และแม้วันถัดไปจะเกิดแรงขายกดลงไปหาจุดต่ำสุดของการเปิดโดดของวันก่อน แต่ก็ไม่สามารถลงไปลึกกว่านั้นได้ ด้วยมีแรงซื้อยันเอาไว้ จากนั้นราคาก็ดีดกลับขึ้นไปเรื่อยๆ และทุกครั้งที่มันมีการย่อ ก็ลงไปถึงระดับเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันเท่านั้น ก็มีแรงซื้อเข้ามายันเอาไว้ และยังมีความตั้งใจที่จะไปต่อ จึงไล่ซื้อดันให้ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง กระทั่งเกิดการละเมิดที่จุด (5) ในที่สุด ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอต่อการเข้าลงทุนในหุ้นตัวนี้แล้วเพราะสามารถทำกำไรให้มากกว่า 20% ในเวลาเดือนเดียวเท่านั้น

เรามาซูมดูรายละเอียดแบบไกล้ๆ อีกครั้ง เพื่อหาจุดซื้อ และจุดขาย แบบเก่งหลังเกมส์
ต้องออกตัวก่อนว่า สติปัญญาของผมมองเห็นจุดซื้อแค่โซนซ้ายมือเท่านั้นเอง ส่วนขวามือที่เพิ่งวิ่งแรงจาก 11-14 บาท นั้น ผมมองไม่เห็นจุดเข้าที่สร้างความมั่นใจได้เลย

งั้นมาดูที่ผมพอจะทำได้ดีกว่า
จุดซื้อที่หนึ่งคือ (A) คือตอนที่ราคาวิ่งเปิด gap ข้ามเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นไปได้ แบบนี้ถือเป็นสัญญาณซื้อสำหรับผมนะ เพราะราคาเปิดกระโดดจากเดิมมันวิ่งออกข้างแบบซึมๆ แท่งราคาสั้นๆ วอลุ่มก็เบาบางแห้งผาก แต่จู่ๆแล้ววันหนึ่งราคาแสดงความผิดปกติด้วยการเปิด gap พร้อมวอลุ่มสูงกว่าที่ผ่านๆมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นึกภาพง่ายๆนะ ตลาดนัดที่ก่อนหน้านั้นน่ะ แทบร้าง คนเดินน้อยมาก (คือช่วงก่อนที่ราคาเปิด gap) แล้วจู่ๆวันหนึ่งมีคนทะลักเข้ามาเดินช็อปจับจ่ายกันแบบไม่ลืมหูลืมตา (คือวอลุ่มเข้า มีการซื้อขาย คึกคัก ตั้ง bid offer หนาช่องละเป็นแสน จากเดิมมีแค่หลักพัน) แบบนี้แหละคือความผิดปกติที่ว่า ซึ่งมันมาจากการเปิดกระโดดด้วยไง หมายความว่ามีคนในหรือรายใหญ่รู้ว่าหุ้นตัวนี้อนาคตจะมีข่าวดีรอเผยแพร่ จึงรีบทำการไล่ราคาเก็บหุ้นกันแบบไม่กลัวแรงขาย ผลก็คือวอลุ่มโป่งมากกว่าที่ผ่านๆมาเป็น 1000% เลยมั้ง (ดูแท่งวอลุ่มด้านล่างที่ผมระบุ B สิท่านจะเห็นภาพชัดขึ้น)

จุดซื้อที่สอง ถ้าท่านไม่ทัน gap ก็สามารถ เสี่ยงซื้อที่โซนจุดต่ำสุดของแท่งที่เปิด gap วันก่อนได้ โดยมีไอเดียที่ว่า หากมันเป็น breakaway gap จริง ราคาต้องหยุดที่บริเวณจุดต่ำสุดของแท่งเปิด gap ซึ่งในที่ที่มันก็หยุดลงที่ระดับ C ที่อยู่เหนือจุดต่ำสุดของแท่งเปิด gap นิดเดียว โดยถ้าหากท่านไม่แน่ใจในวันนั้น ก็อาจจะเข้าซื้อในวันถัดไปได้ที่มันเป็นแท่งเขียวบวกสวนกลับขึ้นไปนั้น เพราะสื่อว่า แนวรับของ gap  นั้นเอาอยู่ ซึ่งมันก็ทำตามนั้นจริง เพราะวันถัดไปมันก็วิ่งขึ้นต่อ แต่ก็ไม่มีพลังมากพอที่จะวิ่งถึงระดับจุดสูงสุดเดิมได้ หยุดที่ระดับราคา D แล้วก็ย่อซึมลงไปสองวัน ซึ่งถ้าคุณดูย้อนหลังแบบนี้จะเห็นเลยว่า นี่มันเป็นรูปแบบราคา cup with handle นั่นเอง

จุดซื้อที่สาม ท่านก็สามารถ ระบุจุดซื้อต่อไปได้ ถ้าพบว่ามันสามารถ breakout ข้ามระดับ handle หรือระดับ D ขึ้นไปได้ นั่นเองครับ

จากนั้นก็เป็นการทนรวย ด้วยการใช้เส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน หรือ EMA10 ซึ่งกับตัวนี้ มันวิ่งดีและทรงพลังมาก พอบวกได้ก็วิ่งแรง แต่พอย่อก็พักไม่นานก็ไปต่อ เจอแบบนี้ให้ใช้เส้น EMA10 เป็นกรอบล็อกกำไรระนะสั้นได้เลยครับ
ซึ่งในทุกของการขึ้น เมื่อมีคนกำไรมากๆ ก็ต้องอยากขายเป็นธรรมดาครับ หลังจากที่วิ่งแรงต่อเนื่องเป็นเดือน มันก็เจอ supply หรือแรงขายขนาดใหญ่ถล่มราคาให้ย่อ ก็ให้รู้ว่านี่เป็นเวลาขายทำกำไรระยะสั้นแล้ว โดยคุณสามารถใช้เส้นค่าเฉลี่ย 10 วันเป็นตัวช่วยได้

จุดขายแรก, เมื่อราคาทำแท่งแดงยาว E ลงหนักจนละเมิดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันได้ ก็ให้หาจังหวะขายออกให้หมด หรือถ้ายังอาลัย ก็ให้ปล่อยครึ่งหนึ่งก่อนก็ได้

ซึ่งกับตัวนี้, แม้จะลงไปจนหลุดเส้น 10 วันได้ มันก็ไม่ร่วงต่อไปมากกว่านั้นนัก มีการออกข้างเพื่อซับแรงขายไปสี่วันก็ดีดกลับแรง ขึ้นไปทำนิวไฮได้อีก

จุดขายออกที่สอง, โดยการดีดกลับครั้งนี้ มันขึ้นไปแรงห้าแท่งนิวไฮเลย แถมแท่งสุดท้ายเป็นลักษณะของ buying climax ด้วย โดยท่านสามารถสังเกตได้จากราคาทำแท่ง evening doji star (แท่ง E) ที่มาพร้อมกับวอลุ่มสูงมาก (แท่งคู่ G) ก็สื่อว่า การขึ้นครั้งนี้ เจอ supply จำนวนมากออกมาขวางไม่ให้ขึ้นต่อได้อีกแล้ว พร้อมจบรอบได้ทุกเมื่อ ก็ให้ตัดใจขายที่เหลือออกซะ ซึ่งจากนั้นอาการจบก็ออกชัดจริงๆ คือมันลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ได้อีก แถมพอเด้งกลับก็ไม่สามารถทำนิวไฮได้เลย

มาดูอีกตัว CBG
ให้ดูรูปกราฟเปล่าก่อน
จะมีตอนที่ราคาทำตัวตรงกับไอเดียนี้อยู่นะ เห็นกันมั้ย? เดี๋ยวมาดูพร้อมๆกัน

ก็ไม่ต้องเกริ่นอะไรกันแล้วนะ ราคาย่อลงมาเด้งบนเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ที่จุด A ก็เป็นการเข้าซื้อไม้แรก
จากนั้นเมื่อราคาเด้งขึ้นไปหาระดับจุดสูงสุดเดิม ก็เกิดการล้มเหลว fail breakout ก็ให้ท่านมองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะการคนยังมองภาพเลวร้ายอยู่ จึงคิดจะทำกำไรสั้นๆ ให้รอดูการหยุดลงในวันถัดๆไป ซึ่งมันก็ค่อนข้างเป๊ะ ที่ราคาลงไปหยุดเหนือเส้น EMA10 พอดี (C) ก็ให้ท่านใช้เป็นจุดซื้อที่สอง
และวันต่อๆไปก็ดีดกลับขึ้นต่อ ข้ามไฮที่ครั้งก่อนข้ามไม่ได้ไปอย่างหน้าตาเฉย ก็ให้มั่นใจได้เพิ่มขึ้นว่า เรามีโอกาสกำไรเป็นกอบเป็นกำอีกตัวแล้วล่ะ
ซึ่งมันก็สนองความตั้งใจที่แรงกล้าของเราด้วยการวิ่งขึ้นไปต่อ และอีกครั้งที่มันไปหยุดขึ้นบริเวณไฮเก่ากว่า (ระดับราคา D) เมื่อเห็นแบบนี้ก็ให้คิดว่าเป็นจังหวะเหมาะในการดูทรงและหาจังหวะสนับสนุนการขึ้นครั้งนี้ ซึ่งมันก็ย่อลงไปนิดเดียว ปิดเหนือเส้น EMA10 อีกครั้ง คุณก็ซื้อเพิ่มได้ และยังซื้อได้อีกเมื่อมันทะลุข้ามไฮระดับราคา D ได้ เพราะนี่เป็นการส่งสัญญาณว่า เขาอยากขึ้นไปต่อ

และจนถึงวันนี้ที่เขียนบทความ, เราก็ยังไม่เห็นสัญญาณขายเลย ก็ให้ทนถือต่อไป จนกระทั่งราคาร่วงแรงไปละเมิดเส้น EMA10 ก็ให้หาจังหวะขายเก็บกำไรออกมา

มาดูด้านที่ไม่ค่อยน่ารักของไอเดียนี้กันอีกนิดนะครับ กับ TCAP
จากภาพกราฟนี้ คงพอจะเห็นอะไรคร่าวๆกันนะ ว่ามันย่อลงไปเด้งที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แต่ว่าไม่ยอมวิ่งขึ้นแรงๆ ย่อน้อยๆแบบสองตัวอย่างข้างต้น
นี่คือโลกจริงครับ คุณต้องเจอหุ้นที่ทำตัวให้ต้องรู้สึกผิดหวังอย่างนี้เกิน 80% ของการเล่นแน่นอน
ดังนั้นการพยายามทำความเข้าใจและหาโอกาสกับมันให้ได้ ถือเป็นอีกหนึ่งภาระกิจของนักเก็งกำไรที่ไฝ่สูงอย่างเรา

งั้นเรามาเก่งหลังเกมส์กันดู
เมื่อลองพิเคราะห์ย้อนหลังดูแล้ว ก็พบว่า นี่เป็นรูปแบบของการพักตัวในขาขึ้นอย่างหนึ่ง โดยท่านอาจจะมองว่ามันเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมก็ได้นะ คือทำจุดสูงสุดต่ำลง พอเราลากเส้น trend line พาดไฮเดิม ก็จะได้เส้นกดกำหนดระดับรอดูการ breakout
แน่นอน ถ้าคุณยึดหลักการนี้ จุดซื้อแรกของคุณก็ต้องเป็นที่ระดับ A ที่ซึ่งราคาลงไปเด้งบนเส้น EMA200 พอดิบพอดี
แต่จากนั้นมันไม่วิ่งขึ้นพรวดแบบสองตัวอย่างแรกสิ มัน sideway เหมือนพยายามขึ้น แต่ไม่ค่อยมีแรง พอวิ่งขึ้นได้นิดนึงก็เจอขายให้ราคาลงไปเด้งบนเส้น 200 วันอีกในช่วงต้นเดือน Aug 2017 แต่กระนั้น,มันก็ยกโลว์ ซึ่งท่านสามารถซื้อเพิ่มได้ถ้าหากยังมีศัทธาต่อพื้นฐาน หรืออะไรก็ตามที่คุณมีต่อหุ้นตัวนี้

ซึ่งมันก็ไม่ทำให้คุณผิดหวัง เพราะมันได้พยายามดีดขึ้นไปเขี่ยระดับ trend line ได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถยืนได้ แต่ก็ทำให้เราเห็นความยายามของมันได้อีกนิด

และมันก็ได้เปล่งความพิเศษออกมาให้เห็นอีกคือ หลังจากที่ราคา fail ก็ย่อลงไปไม่ลึกเลย หยุดลงที่ระดับ EMA10 นั่นเองแหละ (ระดับ B) จากนั้นก็เอากำลังที่ย่อลงมาสะสมดีดกลับขึ้นไปทะลุ trend line จนได้ เมื่อเห็นแบบนั้นก็ให้รางวัลด้วยการซื้อเพิ่มอีกไม้ เพราะมันแสดงออกว่าอยากไปต่อเต็มทีแล้ว

จากนั้น, พอราคาขึ้นไถึงระดับไฮเดิมที่เคยทำไว้ตั้งแต่เดือน Mar 2017 ก็หยุดไปต่อ มีการย่อเพื่อทำความเคารพแนวต้านนั้นอีก คุณก็อย่าเพิ่งกังวลอะไรไป รอดูการย่อของมันอีกครั้ง
และมันก็ย่อลงไปไม่มาก แม้จะถูกกดให้หลุดเส้น EMA10 ก็มีการซื้อคืนให้ขึ้นไปปิดเหนือเส้นสิบวันจนได้ (บริเวณ D) ก็ถือว่าตรงนั้นเป็นอีกจุดที่ซื้อเพิ่มได้ เพราะมีการส่งสัญญาณว่าไม่อยากลงต่อแล้ว

และก็จริงดั่งคาด, วันต่อมา มันดีดแรงทำแท่งเขียวยาวบวกให้คุณหลายเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เรียกว่าสมกับที่รอคอยและอดทนกับมันจริงๆ

และก็เหมือนกับ CBG ในขณะที่เขียนบทความนี้, ยังไม่เห็นสัญญาณขาย ก็ให้ทนรวยต่อไป

เมื่อได้กล่าวถึง "การพักตัวในช่วงต้นของขาขึ้น" ก็ทำให้อยากชวนท่านพยายามหาหุ้นที่ทำทรงแบบนี้กันดูนะ ผมเห็นหลายตัว ที่มีการสร้างฐานลักษณะนี้ โดยเฉพาะหุ้นพื้นฐานดีๆ อาทิ CPALL
จากภาพโล่งๆนี้, ท่านจะเห็นชัดทั่วกันนะว่ามันมีเส้น EMA200 เป็นแนวรับสำคัญมาโดยตลอด มันมีอย่างน้อยสามครั้งที่พอราคาลงไปชนเส้นนี้ก็เด้งกลับขึ้นไปทันที เหมือนการเด้งเชือกของนักมวย
กราฟนี้เป็นภาพรวมในรอบ 2 ปีครับ
รูปนี้, ผมได้ระบุจุดเด้งบนเส้น EMA200 ให้เห็นตรงกันคือ A ,B และ C ซึ่งมีสองครั้งคือ A กับ C เป็นจุดซื้อที่ดี เพราะซื้อแล้ว วิ่งบวกแรง ทำกำไรให้คุณสมน้ำสมเนื้อ
อยากบอกทุกคนว่า นี่คือความเป็นจริงของตลาดที่คุณต้องเจอ ถ้าอยู่กับมันนานๆ คือมันไม่ทำอะไรเป็นเส้นตรงหรอก เดี๋ยวก็ให้กำไรเยอะ เดี๋ยวก็บวกนิดหน่อย หรือทำให้เราขาดทุน ซึ่งเราก็ไม่ต้องไปเถียงเค้าให้วุ่นวาย หลุด stop loss ก็หนีก่อน แต่ถ้ายังบวกต่อก็ให้ทนรวย รันเทรนด์ไปเรื่อยๆ คือถ้าเขาให้เรากำไรก็กินให้ได้คำใหญ่ที่สุด แต่หากเขาไม่ให้เงินก็ต้องรีบออกมาดูสถานการณ์ก่อน ขาดให้น้อย กำไรให้มาก ทำแบบนี้ เดี๋ยวพอร์ตก็โตเอง
ผมยังจำสไตล์การทำทีมของป๋าเฟอร์กี้ แห่งทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้มาจนถึงวันนี้เลยนะ แกบอกว่า เสียประตูเท่าไหร่ไม่ว่า ขอให้ลูกทีมข้ายิงให้ได้มากกว่าที่เสีย ทำแค่นี้ให้ได้สม่ำเสมอ ก็แชมป์แล้ว
นี่ไม่ต่างอะไรกับการเล่นหุ้นเลยนะ จำไว้,ขาดทุนให้น้อย หากได้กำไรก็กินคำใหญ่ๆ คิดแค่นี้พอ

โม้นอกเรื่องไปอีกแล้ว, เข้าประเด็น CPALL ต่อ มาซูมดูทรงการวิ่งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานี้กัน
ก็อย่างที่บอก, ดูเหมือนว่าหุ้นตัวนี้จะมีความเคารพต่อเส้น EMA200 เอามากๆ ดูตอนที่มันทำแท่ง (1) สิมีมันถูกกดให้ลงไปหลุดเส้นสองร้อยวันก็จริง แต่ก็ไม่ลงแบบเสียรูปนะ เพราะมันได้ทิ้งไส้ล่างขนาดยาวเอาไว้ สื่อว่ามีใครกลุ่มหนึ่งที่เงินหนาเข้ามารับหุ้นที่เทขายกันขนานใหญ่ เรียกว่าสู้ตามรับ-ไล่ซื้อกลับแบบยิบตากันเลยทีเดียว ไม่เชื่อคุณดูแท่งวอลุ่มข้างล่างสิ (แท่ง 0 น่ะ) มันบอกว่าคนที่ขายก็ต้องมีหุ้นจำนวนมากเช่นกัน คือมืออาชีพแน่ แต่กระนั้น,คนที่รับซื้อก็มืออาชีพเช่นกัน (หรืออาจจะเป็นการตกลงเปลี่ยนมือกันแบบตกลงกันมาก่อนก็ได้นะ ผมก็ไม่ได้ตามข่าว)  หลังจากแท่ง (1) ราคาก็ดีดกลับขึ้นไปยืนเหนือเส้น 200 วันได้อีก แม้จะดูโผเผ ไร้เรี่ยวแรง แต่ก็สามารถประคองตัวออกข้างยืนเหนือ EMA200 ไปได้ตลอดรอดฝั่ง คือพอเจอขายก็ลงไปเด้งบนเส้นนี้ที่บริเวฯ (2) กับ (3) ได้แบบหวุดหวิด

กระทั่งวันหนึ่ง, เราก็รู้ว่าที่มันวิ่งออกข้างเป็นเดือนเหนือเส้น 200 วัน ก็เพื่อที่จะเก็บแรงเอาไว้ดีดแท่ง 4 นี่เอง คุณดูวอลุ่มสิ แหม,มโหระทึกจริงๆ ซึ่งแท่งนั้นเองก็เป็นการส่งสัญญาณว่า CPALL พร้อมวิ่งขึ้นไปในทิศเดิมแล้วนะ ตามได้ เราก็อย่าลังเลสิ ซื้อตามไปอีกไม้ เพื่อเป็นกำลังใจให้คนทำราคา

ซึ่งคนทำราคาก็ใจถึงมาก ไล่ซื้อแบบไม่มีพักเหนื่อยเลย จนเราหาจังหวะซื้อไม่ได้ ก็ได้แต่ทนรวย ดูกำไรโตขึ้นไปเรื่อยๆ กระทั่งได้จุดซื้อที่ระดับ 7 เพราะมันมีการพักเหนื่อยระยะสั้นๆ ออกข้างปิดแคบราคาเดิมไปเป็นสัปดาห์ พอดึงให้เส้นค่าเฉลี่ยสิบวันมาชน ก็เด้งขึ้นไปทำนิวไฮได้อีก คุณก็สามารถซื้อเพิ่มได้

และมาถึงวันนี้ที่เขียนบทความ ก็ยังไม่มีสัญญาณขายเช่นกัน

BEAUTY ล่ะ เข้าสูตรมั้ย?
มันย่อลงไปเด้งจากเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน เหมือนกันเลยครับ
มาซูมดูไกล้ๆอีกสักนิด หากเราเอาความรู้เรื่อง price pattern มาปรับใช้ดู
คุณก็จะเห็นรูปแบบที่คล้ายกับ inverse head and shoulders เลยครับ
โดยจุดซื้อที่ดีอีกจุดก็คือแท่ง C ตอนที่มัน breakout เส้น neckline ของรูปแบบ inverse head and shoulders นั่นเองครับ

อีกตัวครับ AMATA ถ้าคุณใช้สูตรนี้ ก็จะทำกำไรกับมันได้หลายรอบ
เช่นในรอบปีนี้, คุณเล่นรอบได้จากการซื้อที่แท่ง (A) ไปขายที่แท่ง (X)
มารับอีกครั้งที่แท่ง (B) ซึ่งท่านอาจได้ขายหมูอย่างน้อยๆที่แท่ง (Y)
แต่บอกไว้ก่อนนะว่านี่เป็นการอธิบายแบบเก่งหลังเกมส์ ซึ่งในหน้างานจริงก็ไม่รู้ว่าท่าน(หรือแม้กระทั่งผมเอง)จะหาจังหวะที่เป๊ะๆแบบนี้เจอหรือเปล่า ขยันทำการบ้าน คือการหาโอกาสงามๆจากตลาดที่ดีสุดครับ

ก่อนจบ ขอส่งท้ายกับหุ้น SGP
นี่เป็นตัวแทนของความผันผวน ที่เกิดในช่วงสะสม
บางทีคนที่สนใจลงทุนด้วยการใช้เส้นค่าเฉลี่ย จะไม่ให้ความสำคัญกับรูปแบบของฐานราคา บ่อยครั้งจึงต้องเผชิญกับความอึดอัด เพราะราคาไม่ยอมไปต่อ ทำกำไรแบบเป็นกอบเป็นกำเสียที
อย่างที่เกิดกับหุ้น SGP นี้นะครับ ถ้าดูย้อนหลังกลับไป จะเห็นว่า แม้ตอนนี้มันจะวิ่งแรงบวกไปเกือบเด้ง แต่ว่าก่อนหน้านั้นน่ะ มันวิ่ง sideway เด้งเส้น EMA200 ขึ้น-ลง ขึ้นลงถึงสี่ครั้ง ก่อนที่จะซิ่งแรง
นี่คือปัญหาที่คนใช้แนวคิดนี้ในการลงทุน เพราะถ้าหากคุณเข้าในตอนที่ราคายังอยู่ในช่วงสะสม หรือ sideway คุณจะกำไรน้อยมาก หรือกระทั่งขาดทุนเพราะความผันผวนถี่ยิบ อย่างเคสนี้ถ้าคุณซื้อตั้งแต่จุด A ก็ต้องทนอึดอัดร่วมๆ 7 เดือนทีเดียว ก่อนที่จะได้กำไรเกือบเด้ง
นี่แหละคือความท้าทาย, ถ้าคุณมีความอดทนพอ ก็จะได้กำไรงามแบบที่ท่านจะได้จากหุ้น SGP นี้ครับ

ขอเสริมอีกนิด, ถ้าหากท่านมีความรู้ทางด้าน price pattern ล่ะ? แม้คุณจะไม่ได้ของทุนต่ำสุด แต่ก็สามารถซื้อหุ้นแล้วได้กำไรภายในเวลาไม่นาน
มาดูสิ่งที่เกิดกับหุ้น SGP แบบไกล้ๆอีกทีนะครับ
เห็นอะไรมั้ยครับ? มันย่อลงไปทำทรง cup โดยไปเด้งจากเส้น EMA200 ขึ้นไป(จุด E) ซึ่งถ้าหากคุณดูหุ้นตัวนี้ย้อนหลังไป ก็รู้ว่าที่ผ่านๆมา มันเด้งจากเส้นสองร้อยวันจริง แต่อ่อนแรงเหลือเกิน จึงไม่กล้าซื้อ
แต่จากนั้น, มันก็ย่อในโซนที่ราคาวิ่งไปไกลๆจุดสูงสุดเดิมที่ทำได้ในเดือน Jun แล้วก็ออกข้างไปร่วมเดือนเพื่อซับแรงขาย จากนั้นจึงดีดทะลุจุดสูงสุดของ handle ขึ้นไป (แท่ง 1) อย่างทรงพลัง แม้จะบวกไม่ถึงเด้ง แต่ก็กำไรร่วมๆ 50% ภายในเวลาเดือนกว่าเท่านั้นเอง
ก็เลือกเอาว่าท่านชอบแบบไหน ซึ่งแต่ละแนวก็มีดีมีเสียต่างกันไปครับ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ