สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

กลยุทธ์การลงทุนขั้นเทพ ของพี่ David Ryan

กลยุทธ์การลงทุนขั้นเทพ
ของพี่ David Ryan


"เล่นหุ้น เหมือนกับการเล่นเกมล่าสมบัติขนาดยักษ์ 
ตรงไหนสักแห่งในนี้ (เขาตบสมุดชาร์ทรายสัปดาห์) 
มันมีหุ้นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่และผมกำลังพยายามที่จะค้นหามันให้เจอ"

หุ้นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ หน้าตาเป็นยังไง?
- ควรจะมีความแข็งแกร่งบางอย่างใหม่ ๆ เกิดขึ้นกับกิจการ เช่นผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือเป็นผู้นำในตลาด และผลิตภัณฑ์ใหม่ของหุ้นระดับ SME น่าสนใจกว่าหุ้นกิจการใหญ่
- RS สูง ๆ ยิ่งสูงยิ่งดี อย่างน้อย 80 และถ้าเกิน 90 จะแจ่มมาก หุ้นหลายตัวมีค่า RS สูงขึ้น ก่อนจะมี EPS break out ด้วยซ้ำ
- ทำ All time high หรืออย่างน้อยต้อง 52 week high เพราะไม่มีแนวต้านดักอยู่ข้างบน หรือมีก็น้อยมากแล้ว ไม่มีใครติดหุ้นอยู่อีกแล้ว ทุกคน happy เมื่อทุกอย่างเป็นใจ ราคาจะวิ่งขึ้นเร็วมาก
- มีความแข็งแกร่งที่สุดในตลาดทั้งแง่ของกำไรและภาพทางเทคนิค
- ราคาวิ่งมาแล้ว 2 เท่า เพราะมองว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดาอย่างมากกำลังเกิดขึ้น บางทีสองเท่านั้นอาจแค่เริ่มต้น มันอาจไปต่อได้อีกสองเท่าก็ได้
- มี earning ย้อนหลัง 5 ปี และเทียบ earning ของ 2Q ล่าสุด อัตราการเติบโตของกำไรในแต่ละ Q ต้องโตขึ้น นอกจากนี้ EPS เทียบกับ EPS เฉลี่ยของกลุ่มว่าควรอยู่ในลำดับสูง
- มีหุ้นในตลาดน้อยกว่า (เช่น ไม่เกิน 30 ล้านหุ้น ถ้ามีแค่ 5-10 ล้านหุ้นยิ่งดี)



ซื้อเมื่อไหร่?
- ราคา Breakout จากฐานราคาที่สมบูรณ์ (Cup with handle, double bottom, etc) โดยควรมีการวิ่งของราคามาก่อนแล้วซักระยะ เพราะนั่นหมายถึงหุ้นนั้นมีบางอย่างน่าสนใจในสายตาของนักลงทุน
- ตอน breakout วอลุ่มต้องมากกว่าค่าเฉลี่ย 2 เท่า สื่อว่ามีคนสนใจมากและต้องการซื้อมัน
- เห็น breakout แล้วซื้อทันที หรือซื้อให้เร็วที่สุด
- ไม่ชอบต่อราคา อยากได้เคาะเลย แต่ต้อง breakout จากฐานราคาที่ใช่เท่านั้น


ตัดขาดทุนยังไง?
- เปอร์เซ็นต์ซื้อแล้วชนะแค่ 50% เท่านั้น (ซื้อ 10 ผิด 5)
- แต่ตัดขาดทุนไว ให้มากสุดแค่ 7%
- ถ้าหุ้นที่ซื้อแล้ว (เขาชอบซื้อตอน breakout) มันกลับลงมาอยู่ในฐานราคาเดิม จะขายออกครึ่งหนึ่งก่อน ถ้าลงต่ออีกก็ต้องขายให้หมด เพราะมันจะลงไปถึงฐานเก่าได้เลย




ถือยังไง?
- ถือหุ้นผู้ชนะ 6-12 เดือน
- ไม่มีราคาเป้าหมาย ถือไปจนกว่าจะเห็นสัญญาณขาย
- ซื้อแล้วราคาวิ่งขึ้น และเริ่มทำรูปแบบบีบตัว วอลุ่มควรลดลง
- ถ้าเลือกหุ้นได้ดี และเลือกจุดเข้าซื้อดี เราควรจะได้กำไรตั้งแต่ไม้แรกที่ซื้อ
- หุ้นขาขึ้นที่อยู่ในระยะสะสม และควรถือต่อ จะต้องมีวอลุ่มที่ลดลงจนแห้ง ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยน trend เป็นขาลง



ขายตอนไหน?
- รอดูตอนสร้างราคาใหม่ ถ้าหลุดทะลุลงจากฐานก็ขายทิ้ง
- เกิดสัญญาณตลาดหมี โดยสังเกตุจากพฤติกรรมหุ้นที่ตนเองถืออยู่ ในขณะที่ตลาดยังเป็นกระทิงอยู่ แต่ leading stocks เริ่มอ่อนแรง อาจหมายความว่าหมีกำลังมาเยือน ถ้าหุ้นในพอร์ทถึงจุด stop หลาย ๆ ตัวในระยะเวลาใกล้เคียงกัน เป็นจุดให้เราระวังตัวและพร้อมจะออกจากตลาดได้เสมอ

สิ่งที่อยากบอกน้องๆเทรดเดอร์
- พยายามเรียนรู้จากตลาดมากที่สุด

- ต้องมี trade diary เพื่อจะจดว่าทุกครั้งที่เข้าซื้อหุ้น ซื้อเพราะเหตุผลอะไร เมื่อเอามาศึกษาซ้ำอีกครั้ง จะช่วยตอกย้ำแนวคิดของตนเองถึงการศึกษาลักษณะหุ้นที่เป็น winning stocks ในขณะเดียวกันก็จะได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง

- ไม่ควรซื้อหุ้นราคาอยู่ห่างจากระดับราคาที่ breakout จากฐานเกินไป, ใช้เกณฑ์การคัดเลือกหุ้นที่เคร่งครัด และต้องมีวินัยในการลงทุน ยิ่งวินัยสูงไม่แหกกฏมากเท่าใด จะได้ผลตอบแทนดีขึ้นเท่านั้น แต่ถ้ายิ่งฟังข่าวหรือข่าวลือ จะยิ่งมีผลตอบแทนแย่ลง

- ควรเลือกหุ้นโดยการ screen ด้วย chart ก่อน จดหุ้นที่มี strong technical action แล้วรวบรวมเป็นลิสต์ อย่าเลือกหุ้นที่ราคาถูกเกินไปเพราะว่าหุ้นประเภทนี้มีเหตุผลที่ราคาของมันต่ำอย่างนั้น

- Trader ที่ดีควรจะเรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเอง ทั้งในด้านที่ประสบความสำเร็จ และความล้มเหลว แล้วนำมาปรับปรุงหลักการลงทุนของตนเองให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ

- จงรักในสิ่งที่ตัวเองทำ มองหาความสนุกและความท้าทายจากการลงทุนและตลาดอยู่เสมอ ถ้าเราชอบและมีความสุขกับสิ่งที่เราทำ เราจะประสบความสำเร็จได้มาก



- สาเหตุที่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดล้มเหลว ที่พบบ่อยสุดคือ เขาเหล่านั้นไม่เจอระบบของตนเอง ที่ตนเองสามารถทำตามได้ดีโดยเคร่งครัด จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง นี่เป็นหนทางเดียวที่จะเปลี่ยนตนเองให้เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ

- สิ่งที่เยี่ยมยอดที่สุดของตลาดคือ ตลาดเปิดโอกาสให้เราค้นหาหุ้น big winner ตัวใหม่ ๆ ได้เสมอ หน้าที่ของเราคือ แปลงการลงทุนให้เป็นการล่าสมบัติ
… มองไปในตลาด มองไปใน chart ทั้งหลายแล้วคิดเสมอว่าหนึ่งในนี้คือ big winner และเรากำลังค้นหามันอยู่
… จงสนุกกับมัน หมั่นคอยติดตาม ค้นหาหุ้นที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ตนเองคาดไว้ว่านี่คือหุ้น big winner ตัวต่อไป เลือกลงทุนกับมัน และดีใจกับความสำเร็จในการลงทุนเมื่อสิ่งที่เราคิดและทำนั้นถูกต้อง

หนังสือแนะนำ
How to make money in stocks (ของโอนีล), How I made $2 million in the stock market (Nicholas Darvas), Reminiscences of a stock operator (Edwin Lefevre), Super performance stocks (Richard Love) และอื่น ๆ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks