เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?

Image
เหตุใดเราจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับแง่มุมทางจิตของการเทรด?  Dr. Van K. Tharp พูดเสมอว่า “นักเทรดไม่เทรดตามที่ตลาดเป็นหรอก  แต่พวกเขาเทรดตามความเชื่อของพวกเขา”   เรื่องนี้ผมเห็นด้วยอย่างสมบูรณ์   ความเชื่อของผมมีดังนี้:  1) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลไกการซื้อ/ขายที่สมเหตุสมผลและช่วยให้เขาลงมือตามสัญญาณได้ทันที   2) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีแนวทางที่สมเหตุสมผลในการกำหนด Position Size ของเขาอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยลดความน่าจะเป็นที่จะถูกทำลาย   3) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมีกลยุทธ์ที่ช่วยลด Drawdown ของ Equity Curve เพื่อทำให้เขาเครียดน้อยลง   4) ตลาดจะเปลี่ยนแปลงเสมอ มันจะขึ้น, ลง, และไซด์เวย์ 5) การลอกกลยุทธ์คนอื่นมาใช้ทั้งดุ้น มักจะไม่เวิร์ค  การสร้างกลยุทธ์หรือพัฒนากลยุทธ์ที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณคือแนวทางที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า 6) ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบในการเทรด   7) ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ - Tom Basso จากหนังสือ The All-Weather Trader

ข้อดีของการใช้ Weekly chart สำหรับ Run trend

โดย เซียว จับอิดนึ้ง facebook.com/zyoit  และเพจ facebook.com/zyo77

ผมมีความผิดพลาดจะมาแชร์ให้อ่านกันอีกแล้ว
คือผมขายหมูครับ หมูหุ้นชั้นดีไปเพราะตกใจการลงแรงในกราฟรายวัน
มาดูกราฟว่าผมขายตัวไหนไปบ้าง
WORK เป็นเพราะเกิดอคติจากความเชื่อเรื่อง sell on fact ครับ
ผมซื้อตอนที่มัน breakout ระดับเส้นประขึ้นไปครับ ตอนนั้นจำได้ว่ามันแสดงความแข็งแกร่งกว่าตลาด SET แดงหนัก แต่ WORK แท่งยาวเขียวขจี นี่มันหุ้นนำตลาดชัดๆ
กระทั่ง ตอนที่มันลงแรงๆ ทำแท่งดำ(หรือปกติคือแท่งแดง) 5 แท่งต่อเนื่อง(ช่วง 1)จนถึงแท่งที่ผมมาร์คเอาไว้น่ะ(2) คือผมคิดว่ามันหลุดแนวรับแล้วล่ะ วอลุ่มออกด้วย(ดูแท่งวอลุ่มครับ มันสูงโดดเด่นมาก) หนีก่อนดีกว่า เพราะนี่มันเป็นช่วงที่ดีที่สุดของ The Mask Singer แล้ว ความสำเร็จพร้อมกับค่าโฆษณาที่เพิ่มขึ้น น่าจะเป็นเหตุผลที่ดีสำหรับการจบรอบ

แต่ที่ไหนได้ครับ ดูกราฟสิครับ วันต่อๆไป(โซน 3) มันวิ่งออกข้างแท่งสั้นไปเป็นเดือนก่อนที่จะข้ามแนวรับที่ผมพาดไว้(4)แล้วเย้ยหยันด้วยการใช้ระดับราคานั้นแหละเป็นแนวรับอีกที(5) จากนั้นจึงดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ และไปต่อได้อีกจนตอนนี้เกือบๆ 70 บาทแล้ว

ต่อมา MEGA ครับ เป็นอคติที่เชื่อมั่นใน trend line ที่น่าเชื่อถือครับ
trend line ที่น่าเชื่อต้องพาดผ่านจุดต่ำสุดอย่างน้อย 3 จุดครับ
และ MEGA ก็ทำได้ดีเสียด้วย 3 จุดเป๊ะเลย (ดูเส้น 1 ครับ)
เมื่อหลุดเส้นแนวโน้มเฉียงนี้แล้วมันก็ยังลงไปหลุดแนวรับล่าสุดของมันได้ ความจริงผมก็ลุ้นนะไม่อยากขายเลย เพราะมั่นใจว่านี่เป็นหุ้นชั้นดีที่เพิ่งเริ่มวิ่งได้ไม่นาน
แต่มันหลุดแนวรับ (2) เลยทยอยขาย แ้วจากนั้นมันก็ลงต่ออีกครับ จึงปล่อยจนหมด
จากนั้นดูสิครับ เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง มันวิ่งออกข้าง เหมือน WORK เลย แต่ตัวนี้หนักหน่อย ร่วม 4 เดือน ก็พอที่จะทำให้คนส่วนหนึ่งหมดใจไม่อยากรอ และผมก็นั่งยิ้ม รอซื้อใหม่ครับ
ในที่สุดมันก็ส่งสัญญาณ Pocket Pivot Buy Point (PPBP) ให้เห็นครับ
แต่ผมไม่ได้ซื้อ!! เพราะไปเจออีกตัวที่วิ่งก่อน
เรียกว่าเสียความตั้งใจจริงๆ

HANA นี่ผมเข้าก่อนเปิด gap นิดหน่อยครับ เพราะเห็นว่ามันมี big lot เข้ามากมาย จำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่ แล้วก็มาซื้อเพิ่มอีกนิดหน่อยตอนเปิด gap เพราะคิดว่าเป็น breakaway
ตัวนี้อืดมากครับ เปิดโดดแล้วไม่ไปต่อ ออกข้างชวนให้อึดอัดสุดๆ
ด้วยความที่คนมันหมดใจแล้วน่ะ หลุดโลว์ (2) แถม gap ก็เอาไม่อยู่ เลยหนีก่อนครับ
แล้วจากนั้น, เหมือนฟ้าแกล้งกันอีกแล้ว มันลงไปไม่กี่วันก็ดีดกลับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีก แถมไปไกลกว่าเดิมได้อย่างชัดเจเลย เรียกว่าสร้างความสะเทือนใจให้กับคนขายหมูมาก

และมันยิ่งตอกย้ำความอ่อนหัดของผมขึ้นไปอีกเมื่อลองเปิดกราฟพวกนี้ใน weekly chart

สำหรับ HANA เนี่ย, ผมไม่โทษตัวเองนะ ถือว่าจุดซื้อเราไม่ได้เปรียบเอง แถม gap ที่เราคิดว่าเป็น breakaway ก็ไม่ใช่ การหลุดแล้วขายก็ถือว่าเคลียร์
แต่เมื่อดูกราฟวีคแล้วได้ข้อคิดในการตั้ง stop loss คือแคบไปหน่อย
ถ้าได้ดูกราฟวีคช่วย น่าจะช่วยให้ทนถือได้นานกว่านี้

WORK นี่ก็เป็นเรื่องของจุดซื้อและ stop loss เช่นกัน เราไม่ได้เปรียบเลย เจอเขย่าพรวดเดียวก็ขี้ขึ้นหัวแล้ว
แล้วอีกอย่าง,การมองผ่านการเคลื่อนไหวของแท่งรายวันกับ รายสัปดาห์มันต่างกันแบบชัดเจนเลยนะ
เราได้ภาพใหญ่ของการขึ้น ทำให้ stop loss ดักทางลงมันชัดกว่า
อีกอย่างคือแท่งเทียน พอมันรวบกันแล้วดูง่ายขึ้นมากเลย
จาก daily chart เราเห็นมันสวิงขึ้นลงหลายแท่ง ต่อเนื่องเป็นเดือน แต่พอมาดูเป็นกราฟวีคเป็นโดจิ

ส่วน MEGA ผมมามองอีกทีว่าตัวเองคิดสั้นไปหน่อย ถ้าทนถืออีกนิดน่าจะได้อีกหลายเปอร์เซ็นต์ แถมน่าจะรันได้อีกยาวเลย

มีวิธีแก้ไม่ให้พลาดแบบนี้มั้ย?
ถ้าเราถือแนวทาง run trend น่ะ เป้าหมายคือถือไปจนจบแนวโน้มขาขึ้น
ผมว่า stop loss ที่ไม่ตื้นเกินไปใช้ได้ โดยดูกราฟวีคจะเห็นชัดที่สุด
และที่สำคัญ ต้องรอให้เห็นชัดก่อนค่อยตั้งก็ยังไม่สาย
อย่าง MEGA นี่ด่วนสรุปไปหน่อย
ส่วน WORK กับ HANA นี่ไม่ดูภาพใหญ่เลย ล็อกกำไรไว้ก่อน เลยตั้งแคบ
แต่มาดูอีกทีคือเสียของ แทนที่จะได้คำใหญ่ๆ

ขออธิบายสำหรับคนที่ไม่คุ้นกับการตั้ง stop loss นิดหนึ่งนะครับ
อย่างที่รู้กันเป็นเบื่องต้นว่า stop loss แปลตามตัวคือป้องกันความเสียหายหรือขาดทุน
เวลาซื้อหรือซื้อแล้ว เราจะหาจุดหนีเพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินความต้องการ
และถ้าเป็นขาขึ้น ถ้าจะล็อกกำไร เขาจะเรียกว่า trailing stop คือยกระดับราคาตามขึ้นไป

มีหลายแบบนะ เห็นหลายท่านใช้ Donchian Channel แต่ว่าใน efin มันต้องจ่ายตังค์
ถ้าเอาเบสิคสุดที่คนขี้เหนียวอย่างผมใช้คือ ล็อคจากจุดต่ำสุดของการย่อครับ
อย่าง WORK นี่จะเห็นชัดกว่าใครเพื่อน เจอย่อลึกสุดของลูกคลื่นก็ลากพาดไว้เลย

ทำไมต้องทำแบบนี้?
เหตุผลคือ เราเชื่อในเรื่องของการกลับตัวครับ

นึกภาพอะไรสักอย่างที่มันพุ่งขึ้นไปข้างบนแล้วกลับตัวลงมาไว้ครับ เช่นบั้งไฟ พอมันพุ่งขึ้นไปบนฟ้าได้สักพักก็หมดพลัง เมื่อสู้แรงโน้มถ่วงไม่ได้ก็กลับตัว
การจะยืนยันว่ากลับตัวก็ต้องมีสัญญาณอย่างน้อย 2 จุด
1) มันไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ได้
2) ลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ได้อีก
ส่วนในทางของราคาหุ้นมันก็คล้ายกันครับ

เพียงแต่ราคาจะไม่ได้ลงพรวดเดียวเหมือนบั้งไฟ แต่มันจะลงเด้งตรงแนวรับก่อน
ซึ่งแนวรับที่คนส่วนใหญ่ใช้ก็คือจุดต่ำสุดของการย่อในรอบที่ผ่านมา(ในรูปนี้คือจุด 0) เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งชอบเข้ามาเสี่ยงซื้อที่ระดับราคาแนวรับ(จุด 1) ราคาจึงหยุดลง แล้วราคาก็เด้งเพราะคนกลุ่มนั้นและกลุ่มใหม่เชื่อว่าแนวรับเอาอยู่จึงซื้อเพิ่มเพราะหวังว่ามันจะไปต่อ
แต่เมื่อใดก็ตามที่ราคาที่เด้งขึ้นไปไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ จะมีคนที่ทุนต่ำมองภาพไม่ดีเกี่ยวกับหุ้นนั้น เตรียมขาย และบางคนในกลุ่มนั้นก็เริ่มขายแล้ว
พอขายมากกว่าซื้อราคาก็ลงสิ ลงมาหาแนวรับเดิมที่เคยเอาอยู่(2)
แต่ตอนนี้มันไม่ยอมเอาอีกแล้ว มันหมดแรง ราคาจึงหลุดจุด 2 ลงไปได้
เมื่อมันทะลุแนวรับที่บริเวณจุดสูงสุด(2)ลงไปได้ก็ถือว่ายืนยันการกลับตัว ว่าจะลงต่อ เพราะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่าถ้าราคาหลุดแนวรับลงแล้วมันไม่น่าเชื่อถือ จึงขาย ซึ่งพวกนี้จะมีมากกว่ากลุ่มซื้อ ยิ่งมาเท่าไหร่ ยิ่งลงแรง เพราะส่วนใหญ่กำไรกันหมดแล้วไง ต้องการขายเพื่อลดความเสี่ยงและล็อกกำไร

นี่จึงเป็นเหตุผลสนับสนุนว่าการวาง stop loss ลักษณะนี้มันสมเหตุสมผล
เพราะถ้าหลุดก็การันตีว่าอย่างน้อยทรงเสียแน่ๆ

โม้ซะยาวเลย จากกราฟวีค มาถึง stop loss ได้เฉย
แต่กระนั้น, มันก็เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกันนะครับ
คือถ้าใช้กราฟวีค มันช่วยเราได้อย่างน้อยๆสามสี่อย่างนี้
1) ช่วยให้เราลด bias หรืออคติจากความผันผวนของกราฟรายวันไปได้เยอะมาก
2) ช่วยให้เราเห็นภาพใหญ่ในรอบหลายปี และมันทำให้เรารู้ว่าการเคลื่อนไหวที่รุนแรงในปัจจุบันมันธรรมดามาก ไม่เชื่อดูตัวหย่างหุ้น BR ระยะ 1 ปี
เป็นไงครับ โอ้โห... สวิงไร้ระเบียบมาก
แต่พอมาดูกราฟวีค
เป็นไงครับ ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย มันทำให้เรารู้ว่าที่แท้มันวิ่งในกรอบระยะยาวอยู่นี่นา อ๋อแนวต้านใหญ่มันคือ 7.75 ถ้าผ่านตรงนั้นได้ค่อยน่าสนใจ อะไรประมาณนี้

3) เห็นแนวรับแนวต้านที่ชัดเจนขึ้น
4) เห็นรูปแบบราคาในภาพใหญ่ได้ดีขึ้น
ที่สุดแล้วคือลดการขายหมูไปได้ด้วย และบางครั้งมันอาจจะทำให้เราเห็น price pattern ที่ทรงพลังซ่อนอยู่ด้วยก็ได้ อันนี้ไม่มีตัวอย่าง ต้องรออ่านหนังสือรวมเล่มนะ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการเทรดหุ้น คุณไม่ต้องรอบรู้ไม่ต้องเก่งทุกเรื่องและทุกอย่างหรอก ทำแค่ 7 เรื่องนี้ให้ได้ก็พอ....

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ศาสตร์และศิลปะของการปั้นพอร์ต ให้เติบโตสม่ำเสมอ Art & Science of Trading