เล่นหุ้นตามฝูง ไม่รุ่ง มีแต่เจ๊ง?

Image
" การเล่นหุ้นตามฝูงชน " มักจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่จะทำให้นักเทรดขาดทุนยับเยิน ถ้าได้ไปอ่านเว็บต่างประเทศ ก็ไม่ว่าจากแหล่งไหน ก็บอกตรงกัน ยิ่งนักลงทุนสายวีไอ ยิ่งแล้วใหญ่ พวกเขาชอบใช้ความบ้าคลั่งของฝูงชนเป็น "อินดิเคเตอร์" ซื้อขาย "ซื้อเมื่อเลือดไหลนองวอลสตรีท" และ"ขายเมื่อฝูงชนบ้าคลั่ง" เขาพูดกันถึงขนาดนี้เลย บ้านเราก็มีกูรูเทพอย่างคุณวิชับ จาวลา เจ้าของ " ทฤษฎีผลประโยชน์ " ท่านบอกว่า " Mass ผิดเสมอ " คนส่วนมากมักขาดทุน มีแต่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่กำไร ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? มีตัวอย่างคลาสสิคหนึ่งที่ชี้ให้เห็นโทษ ท่านเคยได้ยินชื่อ " นิโคลาส ดาร์วาส " กันมั้ยครับ? เขาเป็นหนึ่งในตำนานนักเทรดที่ทำเงินมหาศาลจากตลาดหุ้น เจ้าของ "ทฤษฎีกล่อง" นั่นเองครับ ท่านสามารถอ่านได้จากบทความ  Nicolas Darvas Trading System  ครับ ก่อนที่ทวดดาร์วาส จะประสบความสำเร็จจากตลาดหุ้น ก็เจอพิษของการ " เล่นหุ้นตามผูงชน " มาอย่างน้อยสองครั้ง ครั้งแรก หลังจากที่ได้กำไรหุ้นอย่างฟลุคๆ ก็เข้ามาเล่นหุ้นในตลาด

Why You Win or Lose? อะไรทำให้นักลงทุนชนะหรือแพ้?

 


แปลจาก novelinvestor.com/notes/why-you-win-or-lose-the-psychology-of-speculation-by-fred-c-kelly/

- Fred C. Kelly พบว่า behavior (พฤติกรรม, การปฏิบัติ - การตอบสนอง) เป็นส่วนประกอบสำคัญต่อความสำเร็จของนักลงทุนมากกว่าที่คิดไว้ ธรรมชาติมนุษย์เปลี่ยนแปลงน้อยมาก
เขาบอกว่า ถ้าคุณอยากหลีกเลี่ยงความผิดพลาด ให้ทำตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่ เพราะสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำเหมือน ๆ กันนั้น มันจะชักนำให้พวกเขาพบกับอันตรายในอนาคต
- วิธีการดูตลาด คือการมองผ่านมุมมองของฝูงชน คนส่วนใหญ่ของตลาด
- หากต้องการเป็นผู้ชนะ คุณต้องทำตรงข้ามกับ mass พูดง่ายมาก แต่ทำตามยาก น้อยคนนักที่จะทำตามได้ ซึ่งมันต้องเป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้า
- ถ้าหากคนจำนวนมากทำ สิ่งนั้นก็จะไม่เกินขึ้น
- หากทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอให้ราคาลงต่ำ กว่านี้ เพื่อจะได้เข้าซื้อ ราคาก็อาจไม่ลงไปหา
- น้อยคนนักที่จะได้ของดีราคาถูกที่สุด
- มวลชนไม่รู้จักการต่อรองราคา(ที่ดีพอ-และเข้าใจ) พวกเขาจึงต้องเป็นฝ่ายเสียเงินเสมอ
- แรงกระตุ้นตามธรรมชาติของมนุษย์ คืออุปสรรคขัดขวางไม่ให้นักเทรดส่วนใหญ่ทำเงินได้ยั่งยืน
- ธรรมชาติของมนุษย์คือศัตรูของนักเทรดเอง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมความสำเร็จในการเทรดจึงได้ยากมาก
- การคิดว่าจะทำตรงข้ามกับ mass มันง่ายเสมอ แต่การลงมือทำต่างหากที่ยากยิ่งกว่า
- จิตใจของมนุษย์ เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จ ไม่ใช่สภาพเศรษฐกิจหรอก
- วัฏจักรของพฤติกรรม The cycle of behavior:
คลื่นการขึ้นที่ ๑ ในช่วงที่ตลาดเพิ่งฟื้นตัว นักลงทุนมักจะระมัดระวัง และไม่กล้าจัดหนัก พวกเขาจะเล่นแบบเก็งกำไรระยะสั้นมากกว่าถือยาว
คลื่นการขึ้นที่ ๒ เมื่อราคาวิ่งสูงขึ้น พวกเขาจะมั่นใจ กล้าถือนานขึ้น
พอราคาย่อ เขาจะเข้าซื้อ ซื้อ
จนกระทั่งสื่อทุกแห่งบอกข่าวร้ายท่วมตลาด พวกเขาจึงตัดใจขายหุ้นอย่างท้อแท้ใจ ที่ระดับต่ำสุด

ความผิดพลาดที่ ๑ Vanity (ความทรนง/ฟุ้งเฟ้อ) คือศัตรูขัดขวางความสำเร็จของนักลงทุน
- ขายหุ้นกำไรไวเกินไป แต่สะสมหุ้นขาดทุน คือความหายนะ
- ตอนที่ขาดทุนเล็กน้อย นักลงทุนจะยังไม่อยากขาย เพราะยังหวังให้มันกลับมาเท่าทุนแล้วกำไร
- การตัดขาดทุน เหมือนการยอมรับผิด ซึ่งนักเทรดส่วนใหญ่ไม่สามารถทำใจรับได้ พวกเขาจึงเลือกรีบขายหุ้นตัวกำไรออกแล้วทนถือหุ้นผู้แพ้เอาไว้ รอให้มันกลับมาเท่าทุน
- Vanity ทำให้นักลงทุนเชื่อเรื่องเคล็ดลับการเทรด สูตรลับเฉพาะ แต่ความจริงก็คือ ยิ่งเชื่อมั่นกับพวกนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสี่ยงมากขึ้นตามเท่านั้น

ความผิดพลาดที่ ๒ ความโลภ สร้างอิทธิพลที่เลวร้ายต่อการตัดสินใจ
- (เรารู้กันว่า) นักลงทุนซื้อหุ้นเพราะคาดหวังว่ามันจะทำกำไรให้ และจะขายออกเมื่อมันไม่ยอมทำเงินให้
- แต่พอเรามีความโลภ มองโลกในแง่ดี เราก็จะเลี่ยงไม่ยอมทำตามหลักการนี้ เราจะทนถือ+ซื้อถัว
- นักมองโลกในแง่ดี มักจะมองเพียงแต่ว่า ราคาหุ้นจะต้องวิ่งกลับขึ้นมาในไม่ช้า เขาไม่สามารถจินตนาการเลยว่า ราคาอาจจะลงต่อได้ลึกและนานกว่านี้ เขาไม่รู้ว่าความกลัวนั้นรุนแรงมาก ยิ่งกลัว-ราคาหุ้นยิ่งลงแรง
- น้อยคนนักที่จะมีความอดทนนั่งดูราคาร่วงลงจนถึงระดับที่ได้เปรียบ ความโลภทำให้พวกเขารีบเข้าไวเกินไป
- การขาดทุนหนัก ๆ จะเกิดขึ้นเมื่อนักเทรดคนนั้นไล่ซื้อในยามที่ทุกคนทั้งตลาดมองโลกในแง่ดี ทุกคนโลภ

ความผิดพลาดที่ ๓ ความหวัง จะทำให้นักลงทุนติดสินใจผิดพลาด/ไม่ถูกต้อง
- หุ้นปั่น จะใช้สตอรี่สร้างความหวังครั้งใหญ่ กระจายข่าวออกไปสู่สาธารณะในวงกว้าง เพื่อดึงดูดให้ mass ผู้โลภมากเข้ามาติดกับดัก พวกเขามีความหวัง-ต้องงการมองหาหุ้นพลิกชีวิตแบบง่าย ๆ ไม่ต่างอะไรกับการซื้อล็อตเตอรี่หวังแจกพอต

ความผิดพลาดที่ ๔ การพยายามมีเหตุผล มักผิดเสมอ
- การทำในสิ่งที่ไร้เหตุผล มักได้กำไรกว่าทำตามเหตุผล เพราะมันเป็นลักษณะการคิดแบบสองชั้น (second-level thinking)
- การคิดแบบเป็นเหตุเป็นผล มักจะเป็นการคิดแค่ชั้นเดียว ซึ่ง คนส่วนใหญ่ก็คิดกันได้ (อาจเหมือนบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์) ถ้ามันเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิด ก็ต้องเป็นฝ่ายผิดไปโดยปริยาย
- ถ้าคุณอยากมีผลงานเหนือกว่าค่าเฉลี่ย ก็อย่าได้ทำพลาดแบบเดียวกันกับ mass ดังนั้นจงคิดแบบที่ไร้ตรรกะ!(ว้าว) คุณต้องลงทุนในมุมที่แตกต่าง เป็นนักสวนกระแส เพราะอะไรก็ตามที่มันเป็นเหตุเป็นผล มักจะผิดเสมอ
- เหตุผลที่ทำให้คนกล้าไล่ซื้อทั้ง ๆที่ ราคาวิ่งขึ้นสูงมากแล้ว ก็เพราะข่าวดี การมองโลกในแง่ดี เราจึงคิดด้วยเหตุผลไปเองว่าราคาหุ้นน่าจะวิ่งสูงขึ้นได้อีก หากราคิดแบบไร้เหตุผลคือการขายออก เพราะข่าวดีจะไม่คงอยู่ตลอดไป
- เหตุผลคือ ที่ว่าเมื่อมีข่าวร้าย ต้องขายออกมา เพราะเราคิดว่าทุกอย่างจะต้องเลวร้ายลงไปได้อีกแน่ สิ่งที่ไร้เหตุผลก็คือ ซื้อสวนข่าวร้ายนั้น เพราะข่าวร้ายไม่ได้คงอยู่ตลอดไป การตื่นเต้นที่ได้เห็นหุ้นตกคือสิ่งที่ไร้เหตุผล
- การคิดที่มีเหตุผลคือ ขายหุ้น(ผู้ชนะ)ที่ได้กำไร ทนถือหุ้น(ผู้แพ้)ที่ขาดทุน สิ่งที่ไร้เหตุผลคือ ขายหุ้นผู้แพ้ และเก็บหุ้นผู้ชนะเอาไว้ เพราะผู้ชนะมีโอกาสวิ่งต่อได้อีกเนื่องจากพื้นฐานที่ดีขึ้น
- ทำไมเรามักจะซื้อหุ้นแล้ว ราคาวิ่งลงทันที พอขายหุ้นแล้วราคาดีกลับขึ้นทันที? เป็นเพราะว่ามนุษย์เรามักจะมีแนวโฯ้มที่จะคิดเหมือนกันโดยบังเอิญ เราเหมือนกันมากโดยเฉพาะความสามารถในการทนกับความเครียด เมื่อใครสักคนหมดความอดทนคนอื่นๆ ก็จะทำเหมือนกัน
- ผู้เขียนเล่าเรื่องราวของ Crash of ’29: เอกสารทุกวันอาทิตย์ที่ออกมาหลังจาก Black Tuesday ที่ประกาศว่าคนจะเข้ามาซื้อเปนจำนวนมากเพราะราคาลงหนักของถูกมีมากมาย ทุกเจ้าแนะนำให้รีบเข้าซื้อก่อนที่ราคาจะดีดกลับแรง แต่สิ่งที่ตรงกันข้ามเกิดขึ้น - ราคาร่วงลงไปอีก สิ่งที่ไร้เหตุผลที่ต้องทำคือการยอมรับว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะพยายามเข้าซื้อเพื่อให้ได้ราคาต่ำสุด ดังนั้นนักลงทุนที่ฉลาดควรขาย
- วิธีการที่ดีที่สุด คือ "ต้องไร้เหตุผล-คิดสวนตลาด/มวลชน" หากเหตุผลของคุณเป็นสิ่งที่ทุกคนคิดเหมือนกัน คุณก็จะไม่มีทางชนะ
- นักลงทุนทั่วไป คิดว่าการที่ราคาหุ้นต่ำกว่าเมื่อวาน มันราคาถูก ยิ่งต่ำกว่ายอดมากเทาไหร่ยิ่งถูก  โดยที่พวกเขาไม่ได้คำนึงว่าพรุ่งนี้มันจะลงถูกกว่าเดิมได้อีก นักลงทุนที่ฉลาดจะไม่ซื้อหุ้นจนกว่ามันจะผ่านการทดสอบอย่างหนักและแสดงออกชัดเจแล้วว่าไม่อยากลงต่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่ทำไม่ได้(เรารอไม่ได้) เราใจร้อนรีบเข้าเพราะกลัวไม่ได้หุ้น แทนที่จะรอดูพฤติกรรมของมันให้แน่ชัดเสียก่อน
- มันเป็นความจริงที่พิสูจน์ได้เสมอ ว่านักลงทุนส่วนใหญ่ล้วนผิดพลาดบ่อย และขาดทุนเสมอ
- หากทุกคนมีความฉลาดอย่างแท้จริง จะไม่มีใครขายหุ้นในราคาถูกเกินไป หรือซื้อแพงเกินไป ผลลัพธ์ก็คือไม่มีความผันผวนของราคา ช่วงราคาจะถูก จำกัด ให้อยู่ในระดับที่แคบจนไม่มีนักเก็งกำไรให้ความสนใจกับตลาดมากนัก ซึ่งตอนนั้นตลาดเก็งกำไรก็ไม่ควรมีอยู่!
- การเก็งกำไรจะคุ้มค่าก็ต่อเมื่อมีคนไม่กี่คนที่ได้ประโยชน์จากความโล่เขลาของคนจำนวนมาก




แนะนำเพิ่มเติม ของฟรี)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
เรียนเล่นหุ้น เรียนเทรด forex จิตวิทยาการเทรด มือใหม่เล่นหุ้น
คลิกลิ้งนี้ครับ https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บนี้ครับ







และ eBook มีขายที่เว็บ https://www.mebmarket.com/index.php?action=search_book&type=author_name&search=เซียว%20จับอิดนึ้ง&exact_keyword=1&page_no=1
แยกส่วนกันนะครับ ขายคนละเจ้า
ebook หนังสือสอนเล่นหุ้น

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

(มือใหม่เล่นหุ้น) แชร์หลักการหาหุ้นเล่นจาก Top Gainer แบบเม่าๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

เส้น EMA ที่เทรดเดอร์เทพนิยมใช้