ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล

Image
ถ้าคุณต้องการรู้จักนิสัยของตลาดให้มากที่สุด ให้เดินไปที่ชายหาด ก้าวลงไปในน้ำทะล แล้วลองผลักน้ำจากฝั่ง ทำคลื่นดันกลับเข้าไปหาทะเล สร้างคลื่น สู้กับทะเล ลองทำดู ทั้งคลื่นลูกเล็ก และคลื่นลูกใหญ่ คุณจะพบว่า ไม่ว่าคุณจะสร้างคลื่นดันกลับไปในรูปแบบไหน คุณจะไม่มีทางชนะคลื่นจากทะเลได้เลย  ไม่มีทาง ความจริงที่คุณได้จากเรื่องนี้คือ "ตลาดจะถูกเสมอ" . Market Wizards ยอมรับตรงกันว่า "ตลาดจะทำในสิ่งที่มันอยากจะทำ" พวกเขาไม่เคยหัวเสียกับตลาด(เพราะเคยทำมาแล้วในตอนเป็นมือใหม่) พวกเขาไม่เคยโทษตลาด(เพราะเคยทำมาแล้วในตอนเป็นมือใหม่) . พวกเขาแค่ยอมรับว่าตลาดจะทำในสิ่งที่มันจะทำ พวกเขาแค่ยอมรับว่าเขาไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ จากนั้นสิ่งที่พวกเขาทำก็คือ ๑) อ่านตลาด ๒) แยกแยะความเสี่ยงกับโอกาสให้ได้ ๓) หาโอกาสทำเงินเมื่อตลาดให้โอกาส และอยู่เฉย ๆ ถือเงินสดเมื่อตลาดเป็นความเสี่ยง ๔) คิดก่อนเสมอว่า "ถ้าตลาดไม่ให้เงิน(เทรดขาดทุน) ฉันจะยอมเสียกี่บาท" การเอาตัวรอด คือเป้าหมายแรกของยอดนักเทรด เพราะคิดแบบนี้...ไม่ว่าตลาดจะร้ายแค่ไหน ยอดนักเทรดก็จะรอดเสมอ #จิตวิทยาการเทรด #ปั้นพอร์ต #วินัยนัก

Social distance ไม่ต้องทำเพื่อชาติหรอก ทำเพื่อตัวคุณเอง!!


ทำไมคุณต้อง social distance? เพราะถ้าติดเชื้อ กันเป็นจำนวนมากแล้ว มีเงินก็อาจจะไม่มีใครรักษาคุณได้ เนื่องจาก... ๑. หมอไม่พอรักษา สัดส่วนแพทย์ต่อประชากรในเมืองไทยจะเท่ากับ 1 ต่อ 1,843 คน แต่ในความเป็นจริงแล้ว จำนวนแพทย์ต่อประชาก ไม่ได้กระจายอย่างเท่ากันทุกพื้นที่ ทำให้ในบางจังหวัดมีสัดส่วนแพทย์ต่อประชากรสูงกว่าค่าเฉลี่ย 2-3 เท่า ข้อมูลจาก https://workpointnews.com/2018/10/02/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%88/ ๒. จำนวนเตียงภาครัฐ มีทั้งหมด 122,470 เตียง คิดเป็นสัดส่วนเตียง 1.9 : 1,000 คนต่อประชากร และเมื่อรวมกับจำนวนเตียงในสถานพยาบาลภาคเอกชนจำนวน 34,602 เตียง จะมีสัดส่วนเตียง 2.4 : 1,000 คนต่อประชากร ข้อมูลจาก https://www.hfocus.org/content/2017/04/13730 ตัวอย่างไปดูที่ประเทศอิตาลี คนไข้มีมากกว่าหมอ มากกว่าจำนวนเตียง ทำให้หมอต้องเลือกรักษา ท่านคิดว่าใครควรจะรอดก่อน? หมอเขาจะมาเฝ้าดูคุณเหรอ? คุณเป็นใคร? ทำไมต้อง ปล่อยให้ตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากขนาดนั้น? ทำไมต้องไปเป็นตัวเลือกตัดสินใจให้ชีวิต หรือปล่อยให้ตาย จากคนอื่น ทั้ง ๆ ที่คุณสามารถเลือกได้ก่อน "ด้วยการป้องกันตัวเอง" ทางการแพทย์บอกว่า คนที่ติดเชื้อในบ้านเรา มาจาก 3 แหล่งแค่นั้น แต่ปัญหาคือ คนที่มาพบหมอมีน้อยมาก และที่สำคัญคือ คนที่ไม่รู้ว่าติดเชื้อ(เพราะไม่แสดงอาการ) แต่แพร่ได้ มีถึง 6 เท่าของคนที่แสดงอากการ ท่านเลยให้คิดต่อไปเลยว่า ให้คูณ 6 เข้าไปจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับรายงาน สมมุติ วันนี้ยอดรายงาน 1000 คน ก็แสดงว่า ตัวเลขจริง คือ 6000 คน นั่นหมายความว่า ยิ่งมีมากเท่าไหร่ หากท่านยังคงออกไปพบปะกับผู้คน โอกาสติดก็มีมากขึ้นตามเท่านั้น แค่ออกไปข้างนอก ก็เจอความเสี่ยงที่จะเป็นโรคตายแล้ว นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไม ท่านต้องคิดถึงการปกป้องตัวเอง ตั้งแต่ตอนนี้ หากท่านปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ติดเชื้อลุกลามเป็นวงกว้างขนาดนั้น ถามต่อ คุณจะรอดเหรอ? ทำไมไม่ป้องกันไว้ก่อน ซึ่งทำได้อย่างง่าย ๆ คือ social distance ถึงตอนนั้น คุณจะโทษรัฐบาล โทษหมอ ก็ไม่มีประโยชน์ หมอก็ต้องมองส่วนรวม ไม่ใช่ส่วนตัว คิดดูให้ดี อะไรสำคัญกว่า "เงิน หรือ ตัวคุณ" Money or your life? รายได้ไม่มี ๓ เดือน รัฐก็จะโอนให้ท่านถึงบ้าน อาจไม่มากเท่าความโลภของคุณ แต่ก็พอประทัง ลองคิดดูถ้าคุณเกิดอาการ
เดินไปโรงพยาบาลเอกชน ค่าตรวจ 5,000 หากต้องรักษาแบบใส่ใจ ก็ต้องเสียเป็นหมื่น แต่ถ้าคุณป้องกันตัวเอง คุณไม่เสียเงินสักบาท แค่อยู่บ้าน ทำกิจกรรมในบ้านไปก่อน ทำไปเพื่อป้องกันตัวเอง เรื่องนี้ตัดสินแทนใครไม่ได้ คนที่ไม่ป้องกันตัวเอง ปล่อยให้เกิดปัญหาแล้วแก้ไข คนนั้นก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง จะไปโทษใครไม่ได้ คุณทำตัวเอง ประเทศไทย มีความพิเศษอย่างหนึ่งที่ท่านไม่รู้ คือ "ทำเลชั้นยอด" ใคร ๆ ก็อยากมาลงทุนที่นี่ ท่านตกงานไปไม่นานหรอก อีกไม่นานเดี๋ยวก็จะมีงานให้ทำ ความท้าทายก็คือ "คุณจะรอดไปถึงวันนั้นหรือเปล่า?" อย่าออกไปเสี่ยง ถ้าฉลาดพอ!! ๓. วัคซีน ต้องรออีกเป็นปี - 2 ปี!!! จาก ๓ ข้อมูลนี้ จะรู้เลยว่า วิธีการที่ดีที่สุด คือ "ป้องกันตัวเอง" ไม่ให้ไปติดเชื้อจากใคร ด้วยสิ่งที่ทำได้อย่างง่ายๆ คือ social distance การแยกตัวอยู่ คือการลดความเสี่ยง ที่ดีที่สุด หมั่นล้างมือ กินอาหารร้อน ออกกำลังกาย สร้างภูมิคุ้มกัน ถ้าเราไม่ไปติดเชื้อ ก็จะไม่เป็นตัวแพร่เชื้อ ๑. คนติดเชื้อก็ถูกจำกัด ๒. งานของหมอ การดูแลรักษาก็ทำได้ดีและเร็ว ทุกอย่าง เริ่มจากตัวเราเอง ป้องกันตัวเอง = ป้องกันความเสี่ยง โอกาสรอด ก็มีสูง นี่แหละครับ ที่ผมบอกว่า Social distance ไม่ต้องทำเพื่อชาติหรอก ทำเพื่อตัวคุณเอง!! ถ้าคุณป้องกันตัวเองก่อน สังคมก็จะดีขึ้นตาม อย่าไปคิดถึงชาติอะไรให้ปวดหัว (เพราะหลายคนก็เกลียดรัฐบาลชุดนี้) ทำเพื่อตัวคุณเองก่อน

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

ดูยังไงว่าเป็น Cup with Handle pattern?

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ