Position Sizing - แบ่งขาย เข้า - ออก หรือ Fixed?

Image
Position Sizing - Scale In, Scale Out or Fixed? สรุปจาก  https://x.com/SteveDJacobs/status/1957033301777986026 อีบุ๊ก เคล็ดลึก Position Size ปั้นพอร์ตเล็กให้เติบใหญ่ อย่างมั่นคง มีจำหน่ายที่   https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM1OTI2OTt9 เมื่อคุณมี “กลยุทธ์การเทรด” แล้ว คำถามถัดมาที่สำคัญคือ “แต่ละไม้ควรลงทุนเท่าไหร่?” เพราะไม่ว่าจะเข้าถูกจังหวะแค่ไหน ถ้าไซส์ใหญ่เกินไป คุณจะเจ็บหนัก แต่ถ้าเล็กเกินไป ผลตอบแทนก็ไม่คุ้ม มี 3 วิธีหลักที่นักเทรดใช้กัน: 1) Fixed Size – ลงทุนคงที่ แบ่งเป็น 2 แบบย่อย (i) Fixed Capital per Trade จัดสรรเงินจำนวนเท่ากันทุกครั้ง เช่น พอร์ต $100,000 ลงไม้ละ 5% = $5,000 ไม่ว่าจะเป็นหุ้นตัวไหน ✔️ ง่าย ❌ ไม่คำนึงถึง “ความผันผวน” ของหุ้น (หุ้นทุกตัวไม่ได้เสี่ยงเท่ากัน) (ii) Fixed Risk per Trade กำหนดก่อนเลยว่าจะเสี่ยง “กี่ % ของพอร์ต” ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง เช่น ยอมเสีย 1R = 1% ของพอร์ต แล้วคำนวณ Position Size จากจุด Stop Loss และความผันผวน (ATR/ADR) ✔️ เหมาะสมกว...

3 เดือน 6 เดือน 1 ปี

หลายวันก่อนได้คุยกับสมาชิกท่านหนึ่ง ก็มีบางคำถามที่ตอนนั้นผมอึ้งพอสมควร
คือทำไมต้องดูระยะ 3 เดือน, 6 เดือน, 1 ปี ในเมื่อมันเป็นกราฟที่เกิดจากแท่งเทียนรายวันเหมือนกัน
ก็เอาไปนั่งคิดหาคำตอบที่เข้าใจง่ายอยู่นานเหมือนกัน

เอาเป็นว่าเริ่มจากกราฟก่อนก็แล้วกัน แล้วจะอธิบายให้อ่านเป็นฉากๆ
อยากให้เริ่มดูกราฟ 1 ปีก่อนนะ
ทำไมต้องเป็น 1 ปีด้วยล่ะ?
คำตอบง่ายๆก็คือ ผมชอบดูภาพใหญ่ก่อนครับ อย่างน้อยจะได้รู้ว่าในระยะ 12 เดือนนี้ นักลงทุนมีความเห็นยังไงกับหุ้นตัวนี้
มองในแง่ดี ราคาก็จะเป็นขาขึ้น เพราะซื้อมากกว่าขาย
มองในแง่ร้าย ก็จะเป็นขาลง เพราะขายมากกว่าซื้อ
ไม่สนใจ ไม่เอาจริง เล่นกันขำๆ ราคาก็จะออก sideway เล่นกันในกรอบ ไม่ขึ้นมากแต่ก็ไม่ลงหนัก

ยกตัวอย่างหุ้น ATP30 ก็แล้วกัน
จริงๆแล้วตัวนี้มันเพิ่งเข้าตลาดมาปีกว่าๆ ผมก็เลยรวบมันมาทั้งหมดเลย
ดูกราฟเปล่ากันก่อนนะ
รู้เลยว่า มันเป็นขาขึ้น เพราะราคาวิ่งขึ้นทำนิวไฮได้เรื่อยๆ แสดงว่ามีนักลงทุนมองหุ้นตัวนี้ในมุมบวก

ต่อมา ลองซูมดูระยะ 6 เดือนหน่อยสิ
ทำไมต้อง 6 เดือน? แท่งราคาก็เป็นรายวัน มันก็เป็นข้อมูลชุดเดียวกันไม่ใช่เหรอ?

ตรงนี้ผมอยากให้คุณนึกภาพตามนิดนึง
จินตนาการว่าท่านนั่งทำงานอยู่ริมหน้าต่างบนตึกสูง ชั้น 30 ก็แล้วกันนะ
ที่หัวมุมถนน มีร้านขายดอกไม้ ซึ่งสาวสวยที่ท่าหมายปองคนนั้นทำงานอยู่
ท่านชอบเธอมาก พอละสายตาจากจอเมื่อไรก็ต้องแอบชะเง้อมองลงไป
รู้ว่าร้านเปิด รู้ว่ามีพนักงานอยู่ รู้ว่าเธออยู่ในนั้น แต่ไม่อาจเห็นหน้าที่สวยซึ้งนั้นได้

ถ้าอยากเห็น คุณต้องใช้กล้องส่องทางไกล "ซูม" เข้าไปดู

คนเดียวกัน ถ้ามองด้วยตาเปล่าจากที่ไกลๆ ก็จะเห็นเป็นสีๆ เงาๆ เลือนๆ
แต่พอใช้กล้องซูมดู ก็จะเห็นรายละเอียดของสิ่งนั้นมากขึ้น

เช่นเดียวกันกับการดูกราฟนะครับ
ภาพระยะ 1 ปี เรารู้แค่ว่ามันเป็นขาขึ้น มันมีย่อหนักๆแล้วเด้งขึ้นไปทำนิวไฮ มีบีบตัวก่อนที่จะดีดแรง ฯลฯ
แต่เราจะไม่เห็นลักษณะของแท่งเทียน ไม่เห็นวอลุ่มของแท่งนั้นว่าเป็นไง เทียบกับที่ผ่านมามันมีอะไรพิเศษแค่ไหน มี pattern อะไรซ่อนอยู่ในนั้นบ้าง

ครับ...เราซูมเพื่อหาโอกาส และความเสี่ยงที่ตลาดได้ส่งซิกผ่านกลุ่มแท่งราคาและวอลุ่ม
ถ้าไม่ซูม ก็จะไม่เห็นชัด

ดูกราฟ 6 เดือนกัน
จากรูปนี่ เราได้ข้อมูลใหม่ที่ว่า ราคาวิ่งขึ้นแรง แล้วก็ย่อลึกมาก ส่อว่าคนทำราคาซาดิสม์มาก หรือไม่ก็นักลงทุนไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นกับหุ้นตัวนี้สักเท่าไหร่ เหมือนจะเก็งกำไรเป็นรอบๆหรือเปล่า

ต่อไปคือหาโอกาสที่ตลาดให้เบาะแสผ่านกลุ่มแท่งราคา
หายังไง? มีแนวทางหรือเปล่า?
คำตอบคือ คุณเห็น pattern หรือฐานราคาที่คุณรู้จักบ้างมั้ย?

เอาล่ะ ผมจะลองมโนลากเส้นมั่วๆให้คุณมองตาม
ผมจะไม่บอกว่ามันทำ Pattern อะไรนะ เพราะผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน และก็ไม่อยากเน้นด้วย

สิ่งที่อยากให้คิดต่อไปคือ พอเจอ pattern แล้ว ควรวิเคราะห์ว่า มันเป็นโอกาส หรือเป้นความเสี่ยง
ถ้าเป็นโอกาส จะทำยังไงดี
หรือถ้ามีความเสี่ยง เรายังไม่มีหุ้นก็เฉยไว้ แต่ถ้ามี จะเอายังไงกับมันดี

นี่แหละครับประเด็นหลักที่อยากจะบอก ว่าประโยชน์ของการซูมเข้ามาดูรายละเอียดกราฟในช่วงเวลาที่แคบลง มันจะช่วยให้เราเห็นรายละเอียดมากขึ้น อันจะทำให้เราเห็นโอกาสมากขึ้นด้วยนั่นเอง

เมื่อเห็นโอกาส แล้วเอาไงต่อ?
ซื้อเลย หรือรอ?
ถ้าซื้อจะเข้าตรงไหน?
ถ้าต้องการรอ จะเฝ้าตรงไหน?

ตอนนี้คุณอาจต้องใช้การซูมที่ไกล้เข้ามาอีกคือระยะ 3 เดือน หรือไกล้กว่านั้น เพื่อหาร่องรอยที่ชัดขึ้น

จากกราฟเปล่าระยะ 3 เดือน คุณก็จะรู้ว่ามันมีแนวรับแนวต้านในระยะสั้นๆที่ระดับราคาเท่าไหร่

แค่นี้พอมั้ย?
ถ้าไม่พอ ลองใส่เส้นค่าเฉลี่ยดู ว่ามันจะเข้าสูตรที่เราถนัดหรือเปล่า
หรือถ้าไม่ชัด จะลองใช้เครื่องมืออื่นก็ได้ เพราะผมจะไม่ลรายละเอียดต่อ
แต่ต้องการจะสื่อว่า เมื่อเราซูมเข้ามาดูระยะที่ไกล้ขึ้น เราจะเห็นภาพชัดขึ้น เห็นร่องรอยที่ละเอียดขึ้น ตรงนี้และที่มันจะช่วยให้เราวางแผนจุดเข้าออกได้ง่ายขึ้น

ครับ นี่เป็นแนวทางการอธิบายแบบหยาบๆที่ผมพยายามเขียนมันขึ้นมา
ก็ไม่แน่ใจว่าท่านจะเห็นภาพหรือเปล่า
ใครอยากเสริมอะไรเพิ่มเติมก็ยินดีมากนะครับ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

สรุปหนังสือ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่"

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

ทำไมคุณเทรดมานาน…แต่ผลลัพธ์ยังไม่ต่างจากวันแรก?

สรุปรายบทในหนังสือหุ้นซิ่ง สวิงเทรด

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ