สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

ทำไมแอพอย่าง Snapchat มีมูลค่าถึงสองหมื่นล้านเหรียญ


ความสำเร็จของ Evan Spiegel และเพื่อน นั้น สร้างความฮือฮาและจุดประกายให้คนรุ่นใหม่อยากตามรอยความสำเร็จของหนุ่ม Spiegel กันมหาศาล

โอ้โห...แค่ทำแอพพลิเคชั่นสนุกๆ แล้วนำเข้าตลาดหุ้น ส่งให้มูลค่าสินทรัพย์มีระดับสองหมื่นล้านเหรียญ นี่ไม่ธรรมดาเลย สำหรับคนที่อายุ 26 ปี นี่มันมหาเศรษฐีรวยด่วนชัดๆ

สำหรับท่านที่ยังไม่รู้จัก Snapchat ผมจะขอเล่าถึงที่มาให้อ่านกันคร่าวๆ
มันถูกร่วมกันคิดโดย Evan Spiegel, Bobby Murphy และ Reggie Brown ในปี 2011
ซึ่งมันเป็นโปรเจกต์ในระดับมหาวิทยาลัย โดยก่อนหน้านั้นมันชื่อ Picaboo ที่ทำมาเพื่อเน้นการส่งภาพ แล้วข้อความจะถูกลบภายใน 1-10 วินาที

ครับ ไอเดียอันบรรเจิดของพวกเขาคือ เมื่อส่งไปแล้ว ภาพและข้อความจะถูกลบภายในเวลาที่กำหนด
ซึ่งมันฉีกแนวคิดของการสื่อสารทั้งหมดไปเลย
ตอนออกมาแรกๆ มันก็ยังไม่ค่อยฮิตสักเท่าไหร่หรอก ใช่สิ ใครจะส่งข้อความหรือรูปอันเป็นเครื่องหมายของ "ความทรงจำ" แล้วถูกลบตัวเองในเวลาไม่กี่วินาที

แต่กระนั้นคนจะรวยมันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ
เมื่อมีวัยรุ่นใจกล้ากลุ่มหนึ่งใช้แอพนี้ในการส่งข้อความและภาพที่สื่อในเรื่องของเซ็กซ์ เช่น ภาพหลุด ข้อความโจ๋งครึ่ม ให้กัน มันก็มีการบอกต่อกันสิ เรื่องเพศที่ลับๆนี่พวกวัยรุ่นที่ไหนก็ชอบ จึงบอกต่อ จากนั้นมาแอพ Picaboo จึงดังเป็นพลุแตกจากการระบาดขึ้นมาทันที


และก็เป็นเรื่องปกติของพวกอัจฉริยะ เมื่องานโด่งดัง ผู้ก่อตั้งทั้ง 3 ก็มีปัญหากันจนต้องแยกทาง ชื่อ Picaboo จึงถูกเปลี่ยนเป็น Snapchat มาจนบัดนี้

ว่ากันว่านาย Evan Spiegel ปฎิเสธข้อเสนอของ Mark Zuckerberg ที่ขอซื้อ Snapchat ในราคา 3,000 ล้านเหรียญ ตอนนั้นมีคนคิดว่าเขาบ้า ไม่ก็เพี้ยน เพราะโห...เงินขนาดนั้น ใช้สิบชาติก็ไม่หมด

แต่มาถึงวันนี้ คนหัวเราะทีหลังก็ดังกว่า เพราะพอเอาบริษัทเข้าตลาด กูรูให้มูลค่าของมันถึง 20,000 ล้านเหรียญ ร่วมๆ 7 เท่าจากที่เจ้าของเฟสบุคยื่นให้เลยทีเดียว

นั่นอาจเป็นเพราะนาย Spiegel มองเห็นว่าบริษัทยังมีโอกาสโตได้อีก เพราะทุกวันนี้มีผู้ใช้ Snapchat กว่า 100 ล้านคนในแต่ละวันเอง
ดังนั้นถ้าขยายตลาดไปต่างประเทศได้ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆเข้ามา ก็น่าจะโตได้เรื่อยๆ

ตอนแรกผมก็มองว่าแอพนี้น่าจะประสบความสำเร็จแบบบังเอิญหรือเปล่า
แต่พอไปเจอบทวิเคราะห์ใน เว็บ clickz.com ที่ทำไว้ ก็ทำให้เปลี่ยนความคิดไปทันทีเลย ครับ
เขาเขียนถึง มูลค่าทางตลาดที่ Snapchat สร้างไว้ 12 ข้อ

1. เริ่มต้นกับผู้ใช้กลุ่มเล็กๆ แคบๆก่อน
ข้อดีคือมันทดสอบผล ปรับแต่งให้เหมาะกับนิสัยของผู้ใช้ได้ง่าย อย่าเพิ่งตั้งหน้าตั้งตาทำเพื่อ Mass เลย ให้รอจนคุณมั่นใจว่าสินค้านั้นมันแตกต่างจริงๆ

2. เลือก Early adopter ที่ใช่
(Early adopter คือกลุ่มลูกค้าผู้ใช้งานต้นแบบ เป็นกลุ่มตัวอย่างที่จะได้รับสิทธิ์ในการใช้สินค้าก่อน พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ไกล้ชิดกับบริษัท พวกเขาให้ข้อมูลและโอกาสกับบริษัทได้เรียนรู้จากผู้ใช้อย่างแท้จริง ช่วยให้บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นใหม่ ๆ ช่วยให้บริษัทเรียนรู้เกี่ยวกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าจำนวนมาก
กลุ่ม Early adopter นี่แหละที่จะเป็น ผู้สร้างเทรนด์ (trendsetter) ให้กับ mass ในเวลาต่อไป)
การตัดสินใจของ Snapchat เพื่อมุ่งเน้นไปที่ผู้ชมกลุ่มเป้าหมายที่อายุน้อยดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แบรนด์นี้มีชื่อเสียงมากขึ้น เนื่องจากสามารถเอาชนะผู้ใช้ที่มีความต้องการมากที่สุดได้

ผู้ที่ใช้งานแบรนด์มาก่อนคือผู้มีอิทธิพลที่จะมีผลต่ออนาคต ซึ่งหมายความว่าหากคุณเลือกคนที่ใช่คุณมีข้อได้เปรียบจากคู่แข่งแล้ว

เพราะเด็กวัยรุ่นต้องการจุดกระแสชื่อเสียงของตัวเองให้เร็วและไว เมื่อทำมาเพื่อพวกเขา และเมื่อมันได้ผล แอพก็จะเป็นที่ต้องการใช้อย่างสูงเพราะเด็กวัยนี้ชอบเลียนแบบ

ในการสร้างแบรนด์นั้น, ถ้าเลือกกลุ่มเป้าหมายถูกคุณก็นำหน้าคู่แข่งทันที


3. โหนให้มั่น จับเทรนด์ให้อยู่
คนเรานิยมใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการสื่อสารโดยตรงและต้องการปฏิกิริยาโต้ตอบทันทีจากผู้ติดต่อ การเพิ่มเนื้อหาในฟีดข้อมูลจะเน้นถึงการตอบสนองว่องไวต่อโพสต์ซึ่งมันจะยังคงมีอยู่หากคุณค้นกลับไปดูย้อนหลัง
แต่ Snapchat ตัดสินใจที่จะใช้กระบวนการตอบสนองอย่างไวของการโพสต์ในอีกระดับ โดยตั้งค่าวันที่หมดอายุให้กับโพสต์พวกนั้น เพื่อเป็นการเตือนเราว่าถ้าคุณต้องการสนุกกับสิ่งที่เพื่อนคุณโพสต์ จะต้องไปที่เปิดแอพดูทุกวัน
จากสถิติด้านล่าง, 35% ของผู้ใช้ Snapchat ดูเหมือนจะชอบโพสต์แบบตั้งเวลาลบ  นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาเลือกใช้แอพนี้

4. เพิ่มการติดหนึบด้วยจิตวิทยา
ผู้ใช้ Snapchat ใช้เวลาเฉลี่ย 25-30 นาทีบนแพลตฟอร์มทุกวัน และระดับการติดหนึบที่น่าประทับใจนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผสมผสานแนวคิดเรื่องความสนใจประเดี๋ยวประด๋าวและสิ่งกระตุ้นทางจิตวิทยาที่ถูกต้องเพื่อที่จะให้ผู้ใช้ให้ความสนใจ

ความจริงที่ว่าโพสต์หายจะไปหลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมงนี่เอง ทำให้ผู้ใช้เข้าชมแพลตฟอร์มหลายครั้งในระหว่างวัน เพื่อที่จะเอาชนะ F.O.M.O (Fear Of Missing Out กลัวว่ามันจะถูกลบ - ถูกสังคมลืม)

นี่เป็นการสร้างความรู้สึกเร่งด่วนที่มีประสิทธิภาพมากในฐานะที่จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วม และเชื่อว่าระดับการมีส่วนร่วมของ Snapchat จะเพิ่มมากยิ่งขึ้นในอีกหลายเดือนข้างหน้า

ทุกแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ควรแสวงหาวิธีที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมเนื่องจากเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์กลายเป็นความเคยชินที่จะดึงดูดลูกค้าให้ใช้งานต่อไปและในที่สุดก็ขยายกลุ่มออกไปได้อีก

5. ใช้ประโยชน์จากพลังอำนาจของมือถือ
เนื่องจากโทรศัพท์มือถือยังคงเป็นปัจจัยสำคัญของการใช้ชีวิตของคนยุคนี้ ดังนั้นอย่าพลาดโอกาสในการทำเงินด้วยการออกสินค้าที่มุ่งเน้นสำหรับใช้กับอุปกรณ์เคลื่อนที่

Snapchat อาศัยวิธีที่เราใช้มือถือของเราเพื่อให้การสื่อสารได้ง่ายขึ้น ในขณะที่มันสนับสนุนให้เราสนใจเนื้อหาแบบเรียลไทม์เหมือนกับเรื่องราวของโลก สิ่งนี้จึงเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการรายงานข่าวแบบเรียลไทม์โดยสิ้นเชิง

ดังนั้นมันจึงสามารถ:
- ใช้พลังของมือถือได้เต็มที่
- เปลี่ยนจากผู้ใช้เป็นผู้เผยผลิตเนื้อหา
- สร้างความเป็นส่วนตัวแบบใหม่

และสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้จากมันคือ ต้องมีแนวคิดใหม่ ๆ ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจโดยการวิเคราะห์เทรนด์ แล้วก็คาดการณ์ว่าจะมันเป็นอย่างไรต่อไป

6. เน้นจับผู้ใช้เฉพาะกลุ่มให้ได้ก่อน
ความสำเร็จทั่วโลกอาจมาจากการเน้นองค์ประกอบในท้องถิ่นและสิ่งนี้เกิดขึ้นกับ Snapchat และการตัดสินใจที่จะเน้นเรื่องราวของกลุ่มเล็กๆกลายเป็นสิ่งสำคัญต่อผู้ใช้

เมื่อผู้ใช้เปลี่ยนมาเป็นผู้เผยสร้างเรื่องราวแล้ว พวกเขาก็ต้องการมีส่วนร่วมกับเนื้อหาของตนในบริบทที่เหมาะสม และเรื่องราวเล็กๆใน Snapchat ส่งให้มีเนื้อหาเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา

ดังนั้นสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากวิธีนี้คือ เมื่อคุณต้องการให้ผู้ใช้มีความติดหนึบในแพล็ตฟอร์มนั้น-คุณความสำคัญของการโฟกัสเฉพาะกลุ่มเนื่องจากมันจะทำให้พวกเขาสนใจในแพลตฟอร์มจนกว่าพวกเขาจะตัดสินใจเพิ่มเนื้อหาตนเองสู่สาธารณะ

7. ป่วนการสื่อสารแบบเดิม
Snapchat เป็นวิธีการสื่อสารแบบส่วนตัว (และชั่วคราว) ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับวัยรุ่นที่ไม่สามารถหยุดการใช้แพลตฟอร์มที่แสนสนุกนี้ได้
ถึงเวลาแล้วที่ Snapchat พร้อมที่จะคิดแผนการใหญ่ ๆ และหาแนวคิดใหม่ ๆ ในการดึงดูดผู้ชมให้มากขึ้น

ไม่มีความลับใด ๆ ที่ Snapchat มุ่งหมายที่จะไปแทน Messenger ของ Facebook เพื่อที่จะเป็นแพลตฟอร์มหลักของการสื่อสารและการแนะนำ Chat 2.0 อันพิสูจน์ได้แล้วว่ามันเหมือนจะเป็นไปได้

การเปิดตัวการโทรศัพท์ด้วยวิดีโอและเสียง พิสูจน์ให้เห็นว่า Snapchat กำลังอยู่เหนือผู้ชมที่ชื่นชอบ (เด็ก) และพยายามยืนหยัดที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้สำหรับการติดต่อสื่อสารแบบทันทีสำหรับทุกวันของเรา

อาจเร็วเกินไปที่จะบอกว่ามันสามารถเติบโตได้อีกมากแค่ไหน เพื่อจะไปแข่งขันกับ Messenger ของ Facebook (หรือยังขึ้นอยู่กับความภักดีของผู้ชมต่อเครือข่ายทางสังคมที่ใหญ่ที่สุด) แต่อย่างน้อย Snapchat ดูเหมือนว่าจะพยายามอย่างหนักที่จะขยายฟีเจอร์ใหม่ๆ (หรือ เพื่อเลียนแบบเพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้นบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ )

8. ให้ทิศทางใหม่ในการสร้างสรรค์
Snapchat ประสบความสำเร็จในการให้ทิศทางสร้างสรรค์ใหม่ ๆ มีสีสันและสนุกสนานมากขึ้น ซึ่งทำให้ทั้งผู้ใช้และแบรนด์สามารถทดลองใช้เนื้อหาภาพที่มีส่วนร่วมมากขึ้น

ในความเป็นจริงแล้ว, มันเป็นความความท้าทายสำหรับแบรนด์ที่จะปรับตัวเข้ากับเนื้อหารูปแบบใหม่มากขึ้น เนื่องจากคนจะให้ความสนใจโพสต์ที่มีความความสนุกได้ง่ายกว่า โพสต์ที่รู้ว่าเป็นของแบรนด์

เมื่อแพลตฟอร์มของคุณสามารถสร้างอิทธิพลต่อแบรนด์ได้ในทิศทางที่สร้างสรรค์ คุณก็รู้ว่าคุณเข้าใกล้การสร้างรายได้จากแนวคิดของคุณมากขึ้น

9. นึกถึงการขยายตัว
Snapchat เพิ่งรายงานว่า ได้เป็นเจ้าของ Bitstrips ด้วยมูลค่า 100 ล้านเหรียญ มันเป็นแอพพลิเคชันยอดนิยมที่มี emojis ส่วนบุคคลที่เรียกว่า bitmojis ซึ่งดูเหมือนจะเหมาะกับแนวคิด Snapchat ในเรื่องความสนุกสนาน

นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าแพลตฟอร์มที่มีความนิยมอยู่ จะต้องพิจารณาขยายเส้นทางใหม่ ๆ เพื่อรักษาความเกี่ยวข้องและมีคุณลักษณะเพิ่มเติมสำหรับผู้ชมที่ต้องการ เป็นเรื่องง่ายที่จะสูญเสียความนิยมของคุณได้อย่างรวดเร็วเท่าที่คุณสมควรได้รับ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องไม่หยุดก้าว

10. สร้างโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ (แนวโน้มของวิดีโอแนวตั้ง)
Snapchat รู้ดีว่าแผนการเติบโตไม่สามารถทำได้โดยไม่มีรูปแบบโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ และความคิดของวิดีโอแนวตั้งกลายเป็นอาวุธลับสำหรับการเติบโตต่อไป เนื่องจากมันได้สร้างแนวโน้มใหม่ในเนื้อหา

วิดีโอแนวตั้งบนหน้าจอแบบเต็มดูเหมือนจะทำงานได้ดีเมื่อเร็ว ๆ นี้ใน Snapchat โดย Facebook เลียนแบบแนวคิดด้วยการแนะนำ Canvas เนื่องจากผู้ใช้ดูเหมือนจะดูโฆษณาเต็มรูปแบบถึง 9 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับวิดีโอประเภทอื่น ๆ

และเนื่องจากเวลาในการดูโฆษณาจึงเป็นการวัดรายได้ที่สำคัญ Snapchat รู้ว่าคอนเซ็ปท์วิดีโอแนวตั้งได้รับความสำเร็จอย่างมาก และนั่นคือสิ่งที่ทำให้หลายแบรนด์เห็นว่าแนวคิดการโฆษณาบนแพลตฟอร์มนี้น่าสนใจ

และเนื่องจากการวัดของแคมเปญจึงมีความสำคัญต่อแบรนด์ทั้งหมด Snapchat จึงสัญญาว่าจะขยายขีดความสามารถในการวัดด้วยการทำงานร่วมกับ "คู่ค้าด้านการวัดระดับชั้นนำในอุตสาหกรรมเพื่อช่วยให้ผู้โฆษณาทราบว่าโฆษณาของพวกเขากำลังเข้าถึงใคร และผลกระทบที่เกิดขึ้น"

11. โอกาสโชว์(โฆษณา)แบรนด์
ในตอนแรก แบรนด์ต่างระมัดระวังเพื่อเข้าร่วม Snapchat และเมื่อพวกเขาคิดเช่นนั้น, หลายคนก็ชักไม่แน่ใจว่าจะใช้แอพนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางการตลาดหรือไม่

เนื่องจาก 2016 เป็นปีที่แบรนด์ตระหนักดีว่าพวกเขาไม่สามารถมองข้ามความสำเร็จของ Snapchat เนื่องจากผู้ใช้งานยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การมีส่วนร่วมก็ไม่ลดลงตามคาด ในขณะที่จำนวนการดูวิดีโอเพิ่มขึ้น 400% นับตั้งแต่ปีที่แล้ว

วิดีโอมีการเติบโตเป็นส่วนหนึ่งที่น่าสนใจของกลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ซึ่งหมายความว่าความนิยมของ Snapchat (และรูปแบบการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ) ทำให้แบรนด์ต่างๆมีแนวโน้มที่จะลองใช้เนื้อหาแนวตั้งใหม่ๆ

ความสำเร็จของ Snapchat อาจเป็นผลมาจากความเป็นจริงที่ดึงดูดความสนใจจากทั้งผู้ใช้ แต่ยังรวมไปถึงแบรนด์และช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตมากยิ่งขึ้นหากต้องรักษาความสมดุลระหว่างผู้ชมสองฝั่งนี้

12. สนุก (แต่มีประสิทธิภาพ)
ใช่ Snapchat ยังคงรักษาความสมดุลระหว่างผู้ใช้และแบรนด์ (รวมถึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้ใช้ด้วย) แต่การเติบโตของธุรกิจอาจต้องได้รับการพิจารณาถึงลำดับความสำคัญใหม่และเป็นสิ่งท้าทายซึ่งอาจส่งผลต่ออนาคตของบริษัท

ความสนุกสนานและความคิดสร้างสรรค์ที่มีต่อเนื้อหาและการสื่อสารแบบทันทีมีส่วนทำให้อัตราการมีส่วนร่วมที่น่าประทับใจและเป็นบทเรียนที่เป็นประโยชน์สำหรับแบรนด์ใด ๆ ที่พยายามจะเติบโตในโลกดิจิทัล

ผู้ใช้ควรมุ่งเน้นการโฟกัสหลักของแบรนด์และแนวทางนี้อาจช่วยให้คุณสร้างแพลตฟอร์มที่มั่นคงซึ่งจะดึงดูดแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยในการสร้างรายได้

แน่นอนว่าไม่มีสูตรลับใดที่จะช่วยให้แพลตฟอร์มใด ๆ กลายเป็น "Snapchat ตัวถัดไป" ได้ แต่เราทุกคนยังคงสามารถเรียนรู้บทเรียนทางการตลาดที่มีคุณค่าโดยการทำความเข้าใจว่าอะไรที่นำไปสู่ความสำเร็จของ Snapchat และวิธีการที่ธุรกิจสามารถใช้งานได้

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks