คุณต้องลงสนามเทรดจริง ถึงจะเข้าใจการเทรดอย่างแท้จริงได้

"มีเพียงเกม (การเทรด) เท่านั้น ที่จะสอนให้คุณเข้าใจเกม (การเทรด) ได้"— Jesse Livermore ไม่มีหนังสือ บทความ หรือคำแนะนำใด ๆ ที่จะสอนคุณให้เป็นเทรดเดอร์ที่แท้จริงได้ นอกจากการลงสนามเทรดจริง คุณจะเรียนรู้ผ่าน ประสบการณ์ตรง ทั้งจาก ความสำเร็จและความผิดพลาด ๑) เรียนรู้จากตลาด – กราฟ ราคาวิ่ง แรงซื้อแรงขาย จะเป็นครูที่ดีที่สุด ๒) ทดสอบกลยุทธ์จริง – ทฤษฎีดีแค่ไหนก็ไร้ค่า ถ้าคุณไม่ลองใช้จริง ๓)ฝึกควบคุมอารมณ์ – เทรดจริงเท่านั้นที่จะสอนให้คุณรับมือกับความโลภและความกลัว สรุป: คุณต้องลงมือเทรดเอง ฝึกฝน ปรับปรุง และเรียนรู้จากทุกการซื้อขาย นั่นคือวิธีเดียวที่จะเข้าใจ "เกมการเทรด" อย่างแท้จริง

สรุป ebook "กูรูหุ้น พันล้าน"

นึกถึงเม้นของเพื่อนท่านนั้นที่ยกประเด็นการอ้างชื่อพี่เสี่ยยักษ์ของผม
ความจริงถ้าท่านสังเกตุให้ดีๆ ผมก็แอบเกาะกระแสท่านมาโดยตลอดนะ ไม่ว่าจะเป็นคำคม, รวมเป็น ebook, สรุปประเด็น ฯลฯ
งั้นเอางี้มั้ย, ผมไม่แอบแล้วนะ ขอเปิดเผยเลยว่ามีไอเดียหนึ่งที่โคตรอยากทำ คือการตีความหนังสือ "กูรูหุ้นพันล้าน" ผ่านมุมมองของเม่า(เจ๊งหุ้น)กลางเก่ากลางใหม่อย่าง เซียว จับอิดนึ้ง
mindset ของผู้ชนะ
- นักลงทุนรายย่อยทุกคน มีสิทธิรวยได้...เชื่อผม! แต่ต้องขยัน ต้องทุ่มเท ต้องเป็นมืออาชีพจริงๆ
- นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ จะต้องค้นให้พบแนวทางของตัวเอง มีต้นแบบได้ แต่ต้องไม่ใช่การลอกเลียนแบบผู้อื่น..ต้องไม่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ
- หากคุณยังไม่มีประสบการณ์เลย คุณต้องขาดทุนก่อน ในชีวิตจริงต้องเป็นอย่างนั้น นักลงทุนมือใหม่ "ขาดทุน" ถือเป็นเรื่องปกติ"
- เล่นหุ้นแล้วขาดทุน แสดงว่าคุณยังรู้ไม่จริง
.
การยอมรับความผิดพลาด
- ความรู้เรียนทันกันได้ ประสบการณ์ก็เรียนรู้ได้ แต่อุปนิสัยกับวิธีคิดของคนเรา “เปลี่ยนไม่ง่าย” เราต้องเริ่มต้นจากการยอมรับความผิดพลาดของเราเอง อย่าไปโทษคนอื่น นำกลับมาแก้ไข เชื่อผม! แล้วคุณจะเล่นหุ้นเก่งขึ้น
.
- การที่คุณอ่านหนังสือเท่ากับรู้แค่ทฤษฎี ยังถือว่า “รู้ไม่จริง” ต้องเอา 2 อย่างนี้มาใช้ร่วมกัน เพื่อสร้างประสบการณ์แห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น
- หลายคนเล่นหุ้นแล้วไม่ได้ตังค์หรือได้กำไรน้อย สาเหตุที่คุณไม่ชนะ เพราะเจอแบบไม่มีกลยุทธ์ กล้าๆกลัวๆอ่านตลาดไม่ขาด จะซื้อตามก็ไม่กล้า (จะรอให้มันปรับฐานราคาก่อน…สุดท้ายก็ไปซื้อแพง) หุ้นขึ้นนิดหน่อยก็รีบขายตัดกำไรทิ้ง เท่าที่สังเกต…พฤติกรรมอย่างนี้ จะเกิดกับคนที่เทรดหุ้นทุกวัน สมองมันไม่มีจุดคิด เพราะการตัดสินใจบ่อยมันพลาดได้ง่าย ข้อเสียอีกอย่างคือ ใจไม่นิ่ง
.
๑) ประเด็นเรื่องเงิน - เงินจะเติบโตก็เฉพาะกับคนที่รู้จักใช้มัน เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม
- - เงินนี่มันแปลก เงิน 1 ล้านบาท คุณจะเพิ่มให้เป็น 2 ล้านบาท ช่วงนี้จะยากมาก แต่จาก 2 เพิ่มเป็น 4 เริ่มง่าย จาก 4 เพิ่มเป็น 8 ยิ่งง่ายกว่า จริงๆนะครับ นี่เรื่องจริง
.
๒) การบันทึกการเทรด
- ผมขอแนะนำให้จดไดอารี่ทุกวัน นั่นคือการทบทวนตัวคุณเอง คุณจะได้เก็บเอาไว้อ่าน คุณเจ็บตรงไหน วันนี้คุณโดน (เทคนิเคิล) หลอกอย่างไร?" เขาอธิบายว่า ข้อผิดพลาดของนักลงทุน มักมาจากความ "ดื้อรั้น" ของตัวเอง เทคนิเคิลมันตัดลงมาตั้งนานแล้ว แต่ว่าเรายังดื้อ ยังเล่นอยู่ แสดงว่า "คุณผิดเอง ตลาดไม่ผิด"
.
๓) - หุ้น ปตท.ระหว่างรอยต่อของ Business Cycle จาก "ยุคขยายตัว" (Expansion) ไปสู่ "ยุครุ่งเรือง" (Boom) ของราคาน้ำมัน หุ้นปตท.กลับเป็น "ช้างที่ปราดเปรียว" กำไรโตพรวดพราดอย่างน่าทึ่ง "...ใครหาหุ้นอย่างนี้เจอ "แจ๊คพอตแตก" แน่นอน!!!"
.
๔) หุ้นดาวเ่หรือนำตลาด
- ทุกครั้งที่ดัชนี SET ขึ้นรอบใหญ่ๆ หรือ Major Up Trend จะต้องมีหุ้น "ดาวเด่น" ของมันอยู่ เราจะต้องคลำหาให้เจอ ต้องไขว่คว้าให้เจอ
.
๕) - ขณะนั้น SET กำลัง "นิยม" หุ้นกลุ่มไหน เราก็ต้องจับตามองหุ้นกลุ่มนั้น เพราะการ "ฝืนกระแส" จะทำให้เรา "เสี่ยงสูง" ที่จะขาดทุน
.
๖) จุดซื้อ
-  ผมชอบใช้กราฟระดับ Month (อาทิเช่น MACD) คือ ผมจะเล่นรวย ผมไม่เล่นเอามัน ถ้ากราฟ MACD มันตัดลงมา เรารอให้มันบีบพร้อมที่จะตัดขึ้น ถึงวันนั้นเราค่อยมานั่งดูหุ้น นั่นคือการเล่นหุ้นเป็นรอบๆใหญ่"
- ถ้าตลาดหุ้นอยู่ในทิศทางขาลง หรือ มีภาวะอึมครึมมาแล้วพักใหญ่ ในขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค อาทิเช่น RSI, MACD ยืนยันสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม เช่น การเกิด Divergence หรือ สัญญาณขัดแย้ง เราต้องเตรียมตัวซื้อหุ้น เพราะฉะนั้น ช่วงตี 5 ถึงตี 5 ครึ่ง...คุณต้องกล้าซื้อ

- รอเวลาให้กราฟ MACD ยืนยันการ "ตัดขึ้น" ก่อน เราค่อยเข้าไปซื้อ เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงก็จะไม่สูง ระยะเวลา "รอ" ราคาวิ่งขึ้นก็ไม่นานด้วย"

-  ถ้ามั่นใจหุ้นตัวไหนมากๆ ก็ซื้อหุ้นตัวนั้นเก็บเอาไว้ครึ่งหนึ่งก่อน และเมื่อไรที่เห็นปริมาณการซื้อขายเข้ามามากๆ ก็จะรีบซื้อหุ้นอีกครึ่งหนึ่งทันที กลยุทธ์นี้ หมายถึงการ “หยั่งกำลังหุ้น” หรือการ “โยนหินถามทาง” การลงทุนครั้งแรก เราต้องเริ่มจากเงินก้อนเล็กก่อน ถ้าชนะค่อยสู้ต่อ ถ้าแพ้ก็ “เลิก” ถ้าเข้าไปแล้วมีกำไรส่วนหนึ่ง ก็จะเอากองหลังมาสู้เพิ่ม ถ้าพลาดท่าก็จะ Cut Loss ทิ้ง ยังเหลือกองหลังไว้พยุงตัว
.
๗) การพักตัวสะสม
- หุ้นทุกตัวจะต้องมีระยะพักตัว บางครั้งอาจจะกินระยะเวลานานหลายเดือน บางครั้งครึ่งปี บางตัวนาน 2-3 ปี” สาเหตุที่หุ้นบางตัว “พักตัวนาน” แสดงว่ามี “คนเจ็บ” กับหุ้นตัวนั้นเยอะ มันต้องใช้เวลา “รอ” ผลการดำเนินงานหรือข่าวดี หุ้นถึงจะมีแรงกลับมาสู้ใหม่ แต่ถ้าเป็นหุ้นที่ “กำไรดี” อยู่แล้ว ระยะพักตัวก็อาจจะไม่นานมาก
.
๘) หุ้นขึ้นวอลุ่มหาย
- "ผมจะบอกสูตรสุดยอดของหุ้นให้ฟังนะ ถ้าเราอ่านว่าหุ้นตัวนี้กำลังเป็น "ขาขึ้น" แต่วอลุ่มมัน "หาย" (วอลุ่มเทรดลดลง) หมายความว่ารายใหญ่กำลัง "เก็บของ" ไม่ปล่อยหุ้นออกมาหมุนเวียนในตลาด สภาพคล่องของหุ้นตัวนั้นจะค่อยๆลดลง"
.
๙) ขาย
- "ผมจะล็อกล่าง" (กำหนดจุด Stop Loss) ไว้ตลอดเวลา ถ้าหุ้นตัวไหนซื้อเข้าพอร์ตไปปุ๊บ! แล้วมันเกิดลง ผมให้มันลงได้มากที่สุด 15% เกินจากนี้ "ผมทิ้ง" อาจจะต่างจากของเซียนหุ้นคนอื่น ถ้าซื้อไปแล้วหุ้นลง 2-5% เขาขาย หลักการตรงนี้จะต่างกัน "วิธีการเล่นหุ้นต่อ 1 รอบ จำไว้เลยนะว่า คุณต้องเตรียม "ขาดทุน" ไว้ 10% ของพอร์ตของคุณเสมอ...
- ไม่มีใครที่ซื้อหุ้น "ถูกตัว" หมดทุกครั้ง มันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นอาชีพเราต้องมอง "โอกาส" และ "ความเสี่ยง" อยู่ตลอดเวลา ถ้า ลงมาถึงตรงไหน คุณต้องตัดสินใจเด็ดขาด "คนที่พลาดมักจะเป็นคนที่ไม่กล้าตัดสินใจอะไรเด็ดขาด ไม่เด็ดเดี่ยว แล้วชอบอ้างเหตุผลมากลบเกลื่อนความผิดพลาดของตัวเอง...ลองไปคิดดูว่าจริง อย่างที่พูดหรือไม่"
 - เวลาที่จะขายหุ้นเกือบทุกครั้ง ผมจะต้องรอให้มันปรับตัว พอมันปรับตัวแล้วมีรีบาวนด์ ถ้ารีบาวนด์แล้วมีนิวไฮ ผม "รัน" (Let The Profit Run) ถือต่อ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

Trader's Journey ของ Christian Flanders: จากนักโป๊กเกอร์สู่นักเทรดที่ปั้นพอร์ตโต +433% ในปี 2024

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน