3 จังหวะสำคัญที่นักเทรดมือใหม่ควรรู้ ก่อนกดซื้อหุ้น

Image
  หนังสือแนะนำ "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" มีขายที่ https://www.facebook.com/zyobooks หลายคนเริ่มต้นเทรดด้วยความ “อยากเข้าเร็ว” แต่กลับ “ออกไว” เพราะใจไม่แข็งพอ บางคนซื้อแบบเดาสุ่ม บางคนดูกราฟแต่ไม่เข้าใจจุดเข้าออกจริง ๆ วันนี้ขอแชร์ให้ฟังว่า นักเทรดสาย “สวิงเทรด” เขามองจุดซื้อขายยังไง... ✅ 1. ซื้อเมื่อเกิด Breakout เมื่อราคาวิ่งทะลุแนวต้าน พร้อมปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่น ถือเป็นสัญญาณบอกว่า “แรงซื้อกำลังมา” แต่ต้องแน่ใจว่ามันไม่ใช่ "หลอก breakout" (false breakout) ด้วยนะ ✅ 2. ซื้อเมื่อเปิด Gap ขาขึ้น หากวันใหม่ราคาเปิดกระโดดเหนือกรอบเดิม และมีปริมาณมาก นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า “รายใหญ่เริ่มเก็บของ” นักเทรดสายไหวพริบจะไม่มองข้าม gap เลย ✅ 3. ซื้อเมื่อย่อตัวพักฐาน หุ้นที่ขึ้นมาแรง มักต้องพักบ้าง ถ้าราคาย่อลงอย่างสงบ (ไม่รุนแรง) และยังอยู่เหนือเส้นแนวรับหรือ EMA นี่คือจังหวะที่นักเทรดใจเย็นรอซื้อมากที่สุด ใครที่อยากฝึกมองจังหวะให้เฉียบคมขึ้น ลองฝึกดูจากกราฟย้อนหลัง  หรือศึกษาจากประสบการณ์เทรดของคนที่เคย “พลาด” และ “พลิกเกม” ได้แล้ว หนังสือแนะนำ "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" มีขาย...

เขาเทรดผลงานดีขึ้นผิดหูผิดตาเพราะ เปลี่ยนจาก “โฟกัสตลาด” เป็น "โฟกัส คณิตศาสตร์ และสถิติของการเทรด"



Peter Brandt เป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมาก และในปี 2014 เขาเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการเทรดไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่เน้นไปที่ "ตลาด" (Market) เป็นหลัก เขาหันมาโฟกัสที่ "คณิตศาสตร์และสถิติของการเทรด" (Math/Stats of Trading) ซึ่งเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ที่แท้จริง




1. เปลี่ยนโฟกัสจาก "ตลาด" ไปสู่ "สถิติ" ของการเทรด

เทรดเดอร์มือใหม่มักจะพยายามทำนายตลาดว่ามันจะขึ้นหรือลง แต่ Peter Brandt บอกว่า 

จริง ๆ แล้วการพยายามทำนายตลาดเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ สิ่งที่เราควบคุมได้คือ "ตัวเลขและสถิติ" ที่อยู่เบื้องหลังระบบเทรดของเรา


2. กฎของ Peter Brandt สำหรับการบริหารความเสี่ยง

Brandt ไม่ได้ใช้กลยุทธ์ซับซ้อน แต่เขาให้ความสำคัญกับ "การควบคุมตัวเลขทางสถิติของการเทรด" โดยเขามีหลักเกณฑ์สำคัญดังนี้:


✅ (1) หลีกเลี่ยงช่วงที่มีอัตราชนะมากเกินไป (>50%)

- ฟังดูขัดแย้ง แต่ Brandt หมายถึงว่าถ้าเราเข้าใจสถิติของระบบการเทรดของตัวเองดีพอ จะรู้ว่าช่วงที่เราชนะติดกันมากเกินไปอาจทำให้เราประมาท และเพิ่มขนาดการเทรดมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนหนักในภายหลัง


✅ (2) จำกัดขนาดการขาดทุนในแต่ละการเทรด

- ขาดทุนเฉลี่ยต่อเทรดต้องไม่เกิน 20 basis points (BPs)  

  (1 BP = 0.01% ของพอร์ต)  

  หมายความว่า เขาพยายามให้ขนาดของการขาดทุนในแต่ละไม้ไม่เกิน 0.2% ของพอร์ต  

  → ตัวอย่าง: ถ้าพอร์ตมีขนาด $100,000 การขาดทุนเฉลี่ยต่อไม้ต้องไม่เกิน $200


- ถ้าเปิด 2 ไม้ (tranche) ในการเทรดเดียวกัน การขาดทุนรวมกันต้องไม่เกิน 60 BPs  

  → ตัวอย่าง: ถ้าเปิด 2 ไม้ต่อการเทรดเดียวกัน ขาดทุนรวมกันต้องไม่เกิน 0.6% ของพอร์ต


Position Sizing กับพัฒนาการนักเทรด 3 ระดับ... ในรูปแบบ ebook โดย เซียว จับอิดนึ้ง
  https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=312087


✅ (3) ต้องมีการเทรดที่กำไรเยอะพอ

- 15% ของการเทรดทั้งหมดต้องมีกำไรเฉลี่ยมากกว่า 60 BPs  

  หมายความว่า แม้จะมีการขาดทุนเล็ก ๆ อยู่บ้าง แต่ต้องมีการเทรดที่มีกำไรใหญ่มากพอที่จะทดแทนขาดทุน และดึงค่าเฉลี่ยกำไรขึ้นมาได้  

  → ตัวอย่าง: ถ้าพอร์ตมีขนาด $100,000 เทรดที่ทำกำไรสูงควรทำได้มากกว่า $600 ต่อการเทรด


3. เป้าหมายหลักคือ "Profit Factor" ไม่ใช่ Return on Risk (ROR)

Brandt ไม่ได้ตั้งเป้าหมายไปที่ อัตราผลตอบแทน (ROR) โดยตรง แต่เขาให้ความสำคัญกับ Profit Factor (อัตราส่วนกำไรต่อขาดทุน)

Profit Factor = กำไรรวม ÷ ขาดทุนรวม  

ถ้า Profit Factor สูงกว่า 1.5 หรือ 2 หมายความว่าระบบเทรดมีประสิทธิภาพดี


4. ถ้าตัวเลขทางสถิติเป็นไปตามแผน ROR ควรเกิน 35-40% ต่อปี
Brandt เชื่อว่าถ้าเขาสามารถควบคุมตัวเลขตามเกณฑ์ข้างต้นได้ เขาจะได้อัตราผลตอบแทน (ROR) มากกว่า 35-40% ต่อปี  โดยอัตโนมัติ



eBook "Risk Management: การบริหารจัดการความเสี่ยงเบื้องต้นสำหรับนักเทรด" มีจำหน่ายที่แอพ Meb เท่านั้น https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=332340


5. สรุป: คณิตศาสตร์การเทรดนั้นเรียบง่าย แต่การทำให้ได้จริงคือความท้าทาย
Brandt บอกว่า "ตัวเลขมันง่ายมาก" แต่ความท้าทายอยู่ที่ "การบริหารความเสี่ยงและการจับจังหวะเทรด"  
นี่คือจุดที่ทำให้เทรดเดอร์หลายคนล้มเหลว เพราะพวกเขาไม่ได้มีวินัยและความสม่ำเสมอในการทำตามแผน

ข้อคิดสำหรับนักเทรดมือใหม่
✅ เลิกพยายามทำนายตลาด แต่โฟกัสที่ตัวเลขของระบบเทรด  
✅ บริหารความเสี่ยงเป็นอันดับแรก ขาดทุนต้องถูกจำกัดอยู่เสมอ  
✅ มองภาพรวมระยะยาว ไม่สนใจแค่การเทรดเดียว แต่ดูที่ผลลัพธ์ของระบบทั้งหมด  
✅ ให้ความสำคัญกับ Profit Factor มากกว่าแค่ ROR  
✅ ต้องมีวินัยและทำตามแผน อย่างเคร่งครัด ไม่ใช้อารมณ์นำการเทรด  

บทสรุป**Peter Brandt เปลี่ยนแนวคิดการเทรดโดยเน้นไปที่ ตัวเลขและสถิติของระบบ  มากกว่าการพยายาม "ทำนายตลาด" นี่คือแนวคิดที่เทรดเดอร์มือใหม่สามารถนำไปใช้ได้ เพราะสุดท้ายแล้ว "คณิตศาสตร์ของการเทรด"** เป็นสิ่งที่คุมได้ ส่วนตลาดเป็นสิ่งที่คุมไม่ได้

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

แนะวิธีดูกราฟหุ้นเบื้องต้น

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

(มือใหม่เล่นหุ้น) แชร์หลักการหาหุ้นเล่นจาก Top Gainer แบบเม่าๆ

(มือใหม่เล่นหุ้น) แนวทางการซื้อหุ้นระหว่างขาขึ้น