สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

สรุปหนังสือ "พฤติกรรมและจิตวิทยาการลงทุน"


พฤติกรรมและจิตวิทยาการลงทุน
ถือเป็นหนังสือที่เหมาะกับนักลทุนวีไอ-ที่มีวอร์เรน บัฟเฟต์ หรือเบนจามิน เกรแฮมเป็นไอดอล เพราะมีการอ้างถึงประโยคทองของสองคนนี้ทุกบท แต่กระนั้นก็พอมีประโยชน์กับนักเก็งกำไรสายรันเทรนด์อยู่พอสมควร เพราะเป็นพวกที่ซื้อแล้วถือเหมือนกัน

เนื่องจากมีเนื้อหาที่ปนเประหว่างผลงานวิจัย(90%-ซึ่งมันก็ไม่ค่อยเกี่ยวกันสักเท่าไหร่นะ)กับการลงทุน(10%) จึงทำให้ค่อนข้างเข้าใจยาก(สำหรับผม)พอสมควร เพื่อสามารถจับต้องอะไรพอเป็นชิ้นเป็นอันได้บ้าง-การคัดประโยคที่น่าสนใจในเล่มจึงน่าจะตอบโจทย์

ให้พยายามค้นหาความผิดพลาดแบบไหนที่คุณเผชิญบ่อยที่สุด คุณสามารถจะทำอะไรเพื่อป้องกันตัวเองจากการทำผิดเหล่านี้ซ้ำ การคิดถึงประเด็นเหล่านี้จะเป็นก้าวแรกในการชนะศัตรูที่ร้ายกาจในการลงทุน นั่นคือ "ตัวคุณเอง" เพราะความผิดพลาดส่วนใหญ่เกิดจากจิตใจหรืออารมณ์ของผู้ตัดสินใจที่ไม่หนักแน่นหรือไม่ปกติหรือมีปัจจัยอื่นๆมากระทบจิตใจ จนเกิดความลำเอียง


วิธีขจัดความกลัว
- วิธีการทำให้ตัวเองกล้าซื้อหุ้นในช่วงที่คนในตลาดมองโลกในแง่ร้ายที่สุด เมื่อทุกคนกำลังวุ่นวายกับการขายอย่างหมดหวัง(ให้นึกถึงช่วง panic sell หรือ selling climax) ก็คือให้ทำคำสั่งซื้อล่วงหน้าเอาไว้ก่อน อันเป็นวิธีการกำจัดอารมณ์ออกจากสถานการณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
- ช่วงที่เกิด panic selling อันเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน จึงเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ขายจะตัดสินใจด้วยข้อมูลที่ดี เพราะคนส่วนใหญ่จะเกิดอาการช็อคจนทำอะไรไม่ถูก ความกลัวทำให้คนมองข้ามหรือไม่สนใจหุ้นราคาถูกที่มีอยู่เต็มตลาด โดยเฉพาะคนที่เคยขาดทุนมาก่อนยิ่งตัดสินใจได้แย่ลง
วิธีการแก้คือ ต้องมีแผนรองรับไว้ก่อนและต้องยึดมั่นในแผนนั้น ผู้เขียนแนะนำคือลงทุนน้อยครั้งแต่ลงเงินครั้งละมากๆ


เลิกคิดกะเก็งอนาคต ให้อยู่กับปัจจุบันเท่านั้น
- หัวใจในการจัดการอนาคตอยู่ตรงที่ "รู้ว่าคุณอยู่ตรงไหน" แม้จะไม่รู้อย่างชัดเจนว่ากำลังจะไปไหน แต่การรู้ตัวว่าอยู่ตรงส่วนใหนของวงจรและสามารถบอกอนาคตได้เป็นนัยๆนั้นย่อมแตกต่างจากการทำนายจังหวะ เวลา ขอบเขต และรูปแบบการเคลื่อนไหวของวงจร
- โฮเวิร์ด มาร์ค

บันทึกการลงทุนคือพาหนะขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จ
- บันทึกการลงทุนจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน เพราะมันช่วยให้เราซื้อตรงต่อความคิดของเราในเวลานั้นแทนที่จะประเมินเหตุการณ์ใหม่ภายหลังจากที่เรารู้ผลลัพธ์แล้ว แม้บันทึกการลงทุนอาจเป็นของธรรมดาแต่มันก็เป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้จากความผิดพลาดและควรเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแนวทางการลงทุนของคุณ


ยิ่งขยันยิ่งพลาด(ชอบมาก)
- จากการศึกษาพฤติกรรมของผู้รักษาประตุเมื่อต้องป้องกันจุดโทษ พวกเขาเลือกที่พุ่งตัวออกไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อแสดงออกถึงความพยายามในการป้องกัน ทั้งๆที่หากเขายืนอยู่ตรงกลางจะมีเปอร์เซ็นต์ป้องกันการเสียประตูได้ถึง 60% ซึ่งสูงกว่าการพุ่งออกข้างอย่างมาก แต่พวกเขายังเลือกที่จะพุ่ง
"เนื่องจากต้องการแสดงให้คนอื่นเห็นว่าตัวได้พยายามแล้ว"

ในโลกที่นักลงทุนส่วนใหญ่สนใจที่จะค้นหาวิธีทำกำไรทุกนาทีและไขว่คว้าหาความคิดใหม่ๆ มันก็ควรจะยอมรับได้ที่จะไม่มำอะไรและนั่งรอจนกว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้น และบ่อยครั้งที่จะรู้สึกโดดเดี่ยวและขัดแย้ง แต่พยายามเตือนตัวเองว่า "การอยู่เฉยๆคือสิ่งที่มีประโยชน์มาก"

นักลงทุนควรรอจังหวะที่ดี เมื่อไม่มีโอกาสที่ดีที่สุด ก็ควรจะถือเงินสด นักลงทุนที่ดีก็ควรใช้ประโยชน์จากการอยู่เฉยๆบ้าง เพราะการลงทุนควรจะน่าเบื่อ มันไม่ควรจะน่าตื่นเต้น มันควรจะเหมือนการเฝ้าดูการแห้งของภาพวาดหรือการเฝ้าดูการเติบโตของต้นหญ้า


คิดให้ต่างจาก Mass(น่าสนใจ)
แม้การคิดขัดแย้งจากฝูงชนจะกระตุ้นให้เกิดความกลัวและเจ็บปวด แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เราจะได้ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยม หากเรายังคิดเหมือนๆกับคนส่วนใหญ่ หลักการสำคัญของลงทุนคือการขัดแย้งกับความคิดของคนส่วนใหญ่

วิธีการเอาชนะความชั่วร้ายจากการคล้อยตาม Mass
1. มีความกล้าที่จะมีความคิดแตกต่างจากความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ในขณะนั้นและเดิมพันกับความคิดเห็นนั้น
2. การเป็นนักคิดเชิงวิจารณ์  ต้องมีความคิดที่เป็นอิสระในการประเมินมูลค่า แม้ในตอนนี้ตลาดจะยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องเข้าใจเหตุผลที่ตลาดยังมองไม่เห็นมูลค่า
3. คุณต้องมีความเพียรและกล้าที่จะยึดมั่นในหลักการของคุณ หากคุณเชื่อมั่นในวิธีการประเมินมูลค่าที่คุณใช้ถูกต้อง คุณก็ต้องทุ่มเทให้กับหลักการนั้น อย่าโดยทิ้งเพราะความนิยมของคนส่วนมาก ภาพลวงตา และการเก็งกำไรระยะสั้น


ยึดมั่นในกระบวนการให้มากกว่าผลลัพธ์(อันนี้ดี)
- ความจำเป็นที่จะต้องยึดมั่นในกระบวนการมากกว่าผลลัพธ์เป็นสิ่งสำคัญมากในการลงทุน มันทำให้เราไม่วอกแวก ไร้อคติที่เกิดจากผลลัพธ์  เพราะการมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์สามารถทำให้เกิดการแสดงออกที่ไม่ต้องการได้-เช่นการแสวงหาข่าวลือและคล้อยตามความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่
การมุ่งเน้นที่กระบวนการทำให้เราไม่ต้องกังวลกับประเด็นต่างๆที่เราควบคุมไม่ได้ มันเป็นหลักเกณฑ์ที่ควบคุมแนวทางของเราที่ใช้ในการลงทุน มันยังทำให้เราสามารถใช้ศักยภาพเพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในระยะยาวได้เต็มที่

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

แท่งเทียนกลับตัว - Reversal Candlesticks