Posts

Showing posts from October, 2022

Fed Pivot 2025 อาจเป็น จุดเปลี่ยนของตลาดหุ้นโลก

Image
Fed Pivot ครั้งประวัติศาสตร์: จุดเปลี่ยนของตลาดหุ้นโลก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกสั่นสะเทือนจากการประกาศท่าทีใหม่ของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนมองว่านี่คือ "Fed Pivot" ครั้งสำคัญที่สุดในรอบหลายปี และ James Roppel (@Upticken) ถึงกับเปรียบเทียบเหตุการณ์นี้กับ "Christmas Eve Moment" ของปี 2018 ที่ทำให้ตลาดหมีหยุดลงทันที และเกิดการดีดตัวกว่า +58.9% ในเวลาต่อมา ย้อนรอยเหตุการณ์ปี 2018 ในคืนคริสต์มาสอีฟปี 2018 ตลาดหุ้นสหรัฐกำลังอยู่ในสภาวะตลาดหมี ดัชนีร่วงหนัก นักลงทุนเริ่มหวาดกลัวว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่จากนั้น Steven Mnuchin อดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาด และตามมาด้วยการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ Fed ผลลัพธ์คือ ตลาดกลับตัวอย่างรุนแรง และเข้าสู่รอบกระทิงใหม่ที่กินเวลาหลายปี Fed Pivot 2025: ทำไมครั้งนี้จึงสำคัญ James Roppel ชี้ว่า สุนทรพจน์ของ Jerome Powell ในการประชุม Jackson Hole ครั้งล่าสุด "เต็มไปด้วยการเลือกใช้ถ้อยคำที่ทรงพลัง" และ ส่งสัญญาณชัดเจน ว่า Fed จะปรับลดอัตรา...

วิธีการแก้ปัญหาเกี่ยวกับ "จิตวิทยาการเทรด" คือ สร้างความเชื่อมั่นในระบบเทรด

Image
วิธีการแก้ปัญหาเกี่ยวกับ "จิตวิทยาการเทรด" คือ สร้างความเชื่อมั่นในระบบเทรด 1. ระบบเทรดที่ให้ positive expectancy ซึ่งเป็นระบบที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เป็นระบบที่มี win rate 40-50% ก็ทำเงินได้แล้ว หมายความว่า ใน 10 ครั้ง ต้องตัดขาดทุน 5-6 ครั้งเลยทีเดียว 2. คุณต้องมีศรัทธาในระบบว่าทำเงินแน่ แม้จะต้องเจอการขาดทุนติดต่อกัน 3. การขาดทุนและตัดขาดทุนจะไม่ทำให้จิตใจของคุณหวั่นไหวถ้าคุณมีศรัทธาในระบบ 4. และเมื่อคุณรู้ชัดและเชื่อว่ายังไงซะการเทรดของคุณจะต้องเจอการตัดขาดทุน มันจะทำให้คุณเปิดใจรับกับมันและมีกระบวนการบริหารความเสี่ยงอย่างดีที่สุด 5. มันจะทำให้คุณให้ความสำคัญกับ position sizing มากขึ้น เพื่อลดขนาดของความเสียหายเมื่อคุณคิดผิด 6. เมื่อคุณจำกัดขนาดความเสียหายให้อยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้ "สภาพจิตใจ" ของคุณก็จะมีความเป็นกลาง ไม่หวั่นไหวต่อการขาดทุน ส่งผลให้คุณมีความมั่นใจในการทำตามแผนมากขึ้น (เพิ่มเติมจากหนังสือ "จิตวิทยาการเทรด")

เคล็ดในการเอาความรู้การเทรดฝรั่งไปใช้งาน

Image
1. บอกตัวเองไว้ก่อนเลยว่า มันไม่ได้แม่นยำทุกครั้ง (แม้แต่เมืองฝรั่งเองก็ไม่แม่น) แม่นสัก 50% ก็ทำเงินได้แล้ว (ถ้าไม่เชื่อข้อนี้ เลิกไปเลยดีกว่า) 2. กราฟมันไม่เลือกตลาดหุ้น/ตลาดเก็งกำไรเฉพาะหรอก มันเกิดได้ทุกที่ เพราะมันสะท้อนอารมณ์ความโลภ/ความกลัวของมนุษย์ ที่ไม่ว่าชาติไหน/ประเทศไหนก็เป็นมนุษย์ มีโลภ มีกลัว มีความกลัวสูญเสียเหมือนกัน 3. เลือกเอาสัก 1-2 แบบไปใช้ก็พอ 4. เอาไปใช้ร่วมกับ - การบริหารความเสี่ยง ยอมเสี่ยงเท่าไหร่ก่อน - Risk Reward ที่เป็นธุรกิจ - Position sizing ที่เป็นธุรกิจ (การเทรดเป็นธุรกิจสุดซีเรียส ไม่ใช่ซื้อหวยที่กะเอาแม่นอย่างเดียว คุณต้องรู้จักบริหารการเทรดให้เป็นด้วย) 5. จำไว้เสมอว่าการเทรดด้วยกราฟ ไม่ใช่แค่การจำกราฟแล้วฝากความหวังกับมัน แต่ต้องมีการบริหารการเทรดด้วย นี่จึงเป็นการยืนยันว่า การเทรดที่สำเร็จนั้นต้องประกอบด้วย Psychology 60% Money management 30% Methods 10% 6. อย่าได้ฝากชีวิต/ความหวังไว้กับ 10% มองโลกให้กว้าง รู้จักบริหารความเสี่ยง ผ่านการเข้าใจชีวิตจริง แล้วคุณจะเทรดอย่างมีความสุขและรอดได้

อย่าได้เทรดเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพไปวันๆ อย่าให้การขาดทุนทำให้คุณดูโง่

Image
อย่าได้เทรดเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพไปวันๆ อย่าให้การขาดทุนทำให้คุณดูโง่ ๑. อย่าได้เทรดเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพไปวันๆ - อย่าเฝ้าจอ เฝ้าการสวิงของกราฟขึ้นลง เพราะมันจะทำให้คุณร้อนรน เทรดสั้นเพราะกลัว และหวั่นไหวตั้งคำถามกับกลยุทธ์ - หางานอดิเรกทำระหว่างเวลาเทรด ๒. จงมองการเทรดว่าเป็น "สงครามทางจิต" ไม่มีใครเอาปืนมาจี้คุณให้ซื้อขายหุ้นเลย คุณตัดสินใจเองทั้งสิ้น - คุณต้องวางแผน และทำตามมันเท่านั้น - บริหารความเสี่ยง เงินทุนให้ดีที่สุดก่อน ๓. อย่าให้เงินทำให้คุณดูโง่ - กลัวขาดทุน ไม่อยากเสียเงิน - เสี่ยงมากเกินเพราะหน้ามืด - ไม่รู้จุดออก - ไม่สนใจการปกป้องเงินทุน วิธีแก้คือ วางแผนให้ครอบคลุม

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

สรุปหนังสือ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่"

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ทำไมคุณเทรดมานาน…แต่ผลลัพธ์ยังไม่ต่างจากวันแรก?

สรุปรายบทในหนังสือหุ้นซิ่ง สวิงเทรด

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ