ถ้าคุณต้องการสร้างผลตอบแทนจากการสวิงเทรดหุ้นให้ได้ กำไรเฉลี่ยระดับร้อยเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป มีอยู่ 2 หลักการสำคัญ ที่คุณจำเป็นต้องเข้าใจให้ลึก

Image
ถ้าคุณต้องการสร้างผลตอบแทนจากการสวิงเทรดหุ้นให้ได้ กำไรเฉลี่ยระดับร้อยเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป มีอยู่ 2 หลักการสำคัญ ที่คุณจำเป็นต้องเข้าใจให้ลึก โมเมนตัม (Momentum) การหด–ขยายตัวของความผันผวน (Volatility Contraction / Expansion) หัวใจของการทำกำไร คือ 👉 ค้นหาหุ้นที่กำลังจะเข้าสู่ช่วง “การขยายตัว” ของราคา 👉 และต้องเป็นการขยายตัว ไปในทิศทางเดียวกับโมเมนตัม ถ้าคุณทำได้ เงินจะเป็นเพียงผลลัพธ์ที่ตามมา

เคล็ดลึก การใช้เส้นค่าเฉลี่ยให้ได้ประโยชน์สูงสุด ที่มือใหม่ต้องรู้

แปลจาก https://x.com/wey_how12640/status/1928299095070032174?t=o4nIc2KWaiHlfLqtTHdTjQ&s=19

ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจก่อนว่า MA คืออะไร และมันมีที่มาทางเทคนิคอย่างไร

Moving Average (MA) หรือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราดูแนวโน้มของราคาในตลาด มันเกิดจากการนำราคาย้อนหลังมาคำนวณเฉลี่ยในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น ค่าเฉลี่ย 20 วัน, 50 วัน หรือ 200 วัน


แต่... แค่รู้ว่า MA คืออะไรยังไม่พอ

เราต้องรู้ด้วยว่า "เมื่อไร" และ "ทำไม" มันถึงมีประโยชน์ — และที่สำคัญคือ เมื่อไรที่มัน “ไม่ควรใช้”



---


MA จะมีประโยชน์จริง ก็ต่อเมื่อมีสองเงื่อนไขนี้:


1. ตลาดต้องมีเทรนด์ — ตลาดต้องกำลังขึ้นหรือลงอย่างชัดเจน


2. คนส่วนใหญ่ต้องดูสิ่งเดียวกัน — ถ้ามีเทรดเดอร์จำนวนมากใช้ MA แบบเดียวกัน มันก็ยิ่งมีพลัง เพราะราคาจะมีแนวโน้ม “ตอบสนอง” ตามจุดที่คนจำนวนมากจับตาดูอยู่ เหมือนกลายเป็น “คำทำนายที่กลายเป็นจริงด้วยตัวของมันเอง” (self-fulfilling prophecy)


ยกตัวอย่างง่าย ๆ จากตลาดฮ่องกง —

นักเทรดที่นั่นส่วนใหญ่นิยมดู Simple Moving Average (SMA) มากกว่า Exponential Moving Average (EMA)

แม้ EMA จะตอบสนองต่อราคาได้ไวกว่า แต่เพราะนักวิเคราะห์และข่าวต่าง ๆ พูดถึง SMA มากกว่า คนส่วนใหญ่ก็เลยใช้ SMA และมันเลย "ได้ผล" เพราะมีคนจำนวนมากตอบสนองต่อมัน


---


แต่ถ้าตลาด "ไม่มีเทรนด์" ล่ะ?

ตรงนี้แหละที่นักเทรดมือใหม่พลาดบ่อยที่สุด...


พลาดเพราะยังใช้ MA ทั้ง ๆ ที่มันไม่เหมาะ

MA เป็นเครื่องมือดู "แนวโน้ม"

แต่ถ้าตลาดกำลัง "แกว่งตัวไปมา ไม่มีทิศทางชัดเจน" หรือที่เรียกว่า Sideway หรือ Choppy — เส้น MA จะ “หลอก” คุณให้เข้าใจผิด

คุณจะเข้าเร็วเกินไป หรือออกช้าเกินไป เพราะ MA มัน "หน่วง" (lagging)


ในช่วงแบบนี้ เครื่องมือที่ควรใช้คือ

แนวรับแนวต้านในแนวนอน (horizontal pivots) และ การดูโซนราคา (zone to zone)

เพราะตลาดกำลังเล่นเกม “ตีไปตีมา” อยู่ในกรอบ ไม่ได้เดินหน้าไปทางใดทางหนึ่งอย่างชัดเจน



---


อีกจุดสำคัญ — ดูพฤติกรรมของราคา (Price Action)


ในตลาดที่ไม่ชัดเจน หรือช่วงกลับตัวจากเทรนด์เดิม

สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ MA แต่คือ “โครงสร้างราคา” และ “พฤติกรรมของแท่งเทียน” ในแต่ละวัน


เพราะ MA จะ "ช้า" และอาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่าตลาดยังอยู่ในเทรนด์เดิม ทั้งที่จริงมันกำลังจะเปลี่ยน


ดูตัวอย่างช่วงปี 2024 —

มี 2 ครั้งที่ตลาดดิ่งลงอย่างแรง (2 dips) และตามด้วย “ภาวะตลาดหมี”

ใครที่ดูแต่ MA อย่างเดียว อาจพลาดสัญญาณเตือนล่วงหน้า เพราะ MA จะบอกคุณช้าเกินไป



---


สรุปง่าย ๆ สำหรับมือใหม่:


MA ดีมากในตลาดที่มีเทรนด์ และคนส่วนใหญ่ใช้


อย่าใช้ MA ในตลาดที่แกว่ง ไม่มีเทรนด์ — เพราะมันจะหลอกคุณ


ในช่วงตลาดนิ่งหรือกลับตัว ให้เน้นดูโซนราคา, แนวรับแนวต้าน, และพฤติกรรมของราคาแทน


อย่าพึ่งเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งมากเกินไป — เข้าใจ “บริบท” ของตลาดก่อนเสมอ




---


ถ้าคุณเข้าใจสิ่งนี้ คุณจะเริ่มมองตลาดอย่างเป็นระบบ และไม่หลงทางตามเส้นกราฟอีกต่อไปครับ 

เทรดอย่างมีสติ เข้าใจบริบท แล้วคุณจะค่อย ๆ เห็นโอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็น 


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

กราฟหุ้น GFPT ล่าสุด

$BMNR ทำธุรกิจอะไร? จุดแข็ง/จุดอ่อน และตัวเร่ง

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

Grok? $IREN หุ้นอเมริกาตัวนี้ ถูกเชียร์เกินเหตุหรือเปล่า?

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า