3 Chart Patterns น่าเชื่อถือ และหาจุดซื้อที่ถูกต้อง

Image
บทเรียนที่ 3: วิธีอ่านกราฟอย่างมืออาชีพ  และหาจุดซื้อที่ถูกต้อง รูปแบบกราฟ (Chart Patterns) คู่มือในการค้นหาหุ้นเด่นของวันพรุ่งนี้ ในตลาดหุ้น สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ: ปีแล้วปีเล่า หุ้นที่ชนะตลาดมักจะสร้างรูปแบบกราฟบางอย่างก่อนที่ราคาจะพุ่งแรง และการสังเกตรูปแบบเหล่านี้ง่ายกว่าที่คุณคิด เริ่มจากการเรียนรู้ 3 รูปแบบกราฟที่พบได้บ่อยและสร้างกำไรได้ดีที่สุด: สนับสนุนโดย อีบุ๊ค "เคล็ดลึก สวิงเทรด ให้ได้กำไรสม่ำเสมอ"   https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjMzNjYyMjt9 Cup With Handle (ถ้วยมีหูจับ) - การจับโอกาสทำกำไรใหญ่ เริ่มจากการรู้จักรูปแบบ “ถ้วยมีหูจับ” ซึ่งมีลักษณะเหมือนถ้วยชาเอียงเล็กน้อย โดยหูจับจะอยู่ด้านขวาของกราฟ - หุ้นที่มีแนวโน้มขึ้นแรงมักจะสร้างรูปแบบนี้ก่อนเริ่มการพุ่งขึ้นรอบใหม่ - จุดซื้อ (Buy point) มักเกิดเมื่อราคาทะลุขึ้นจากหูจับ พร้อมปริมาณการซื้อขาย (volume) ที่สูงขึ้น --- Double Bottom (รูปตัว W) - รูปแบบ Double Bottom คล้ายกับตัว “W” กลับหัว โดยจุดต่ำสุดรอบที่สอ...

เขาเทรดขาดทุนซ้ำซากมาตลอด 15 ปี จนพบจุดเปลี่ยนนี้


ตลอดการเดินทางในการเทรด 23 ปีของผม ผมเป็นเทรดเดอร์ที่ย่ำแย่ไปมากกว่า 15 ปี อย่างที่ผมเคยเล่าไว้ในโพสต์ก่อนๆ ผมเคยล้มเหลวในเครื่องมือเกือบทุกประเภทที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ออปชัน ฟิวเจอร์ส หรือสกุลเงิน ถ้าชื่อว่ามีเครื่องมือนั้นอยู่ ผมก็น่าจะเคยล้มเหลวกับมันมาแล้ว ยกเว้นก็แต่บิทคอยน์ ที่เกิดขึ้นมาหลังจากผมปรับปรุงตัวได้สำเร็จ แล้วอะไรล่ะที่ช่วยให้ผมเปลี่ยนแปลงจนสามารถเทรดได้อย่างสม่ำเสมอและทำกำไรได้?



อัพเดทอีบุ๊กใหม่ขึ้นห้องสมุดครับ

https://mebmarket.com/index.php?action=search_book&type=author_name&search=%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%20%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87&auto_search_id=&exact_keyword=1&page_no=1


เทรดแบบ “รถถัง”:

ในการสัมภาษณ์ของ Marios แชมป์ USIC ในช่อง TraderLion เขาพูดถึงแนวคิดการเป็น “รถถังที่แข็งแกร่ง” (ultimate tank) [ลิงก์วิดีโอ](https://youtube.com/watch?v=7UfHg8PpDZk&t=5472s) ตอนที่ผมได้ยินแนวคิดนี้ ผมก็เข้าใจทันทีว่านั่นแหละคือสิ่งที่ผมทำมา ผมเปลี่ยนจากการเป็น “ปืนใหญ่ที่เปราะบาง” ที่พร้อมพังลงได้จากความผันผวนเพียงเล็กน้อย มาเป็น “รถถัง” ที่สามารถทนต่อการโดนโจมตีเล็กๆ น้อยๆ ได้ และรอคอยโอกาสที่จะโจมตีกลับอย่างหนัก สิ่งเดียวที่ผมเปลี่ยนคือการลดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้งลงเหลือ 0.25-0.5% ทันทีที่ปรับลดความเสี่ยง ความแข็งแกร่งของผมก็ดีขึ้นอย่างมาก แน่นอนว่าคุณยังต้องใส่ใจกับสภาวะตลาดและต้องมีรูปแบบการเทรดที่ดี เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะตายจากบาดแผลเล็กๆ หลายพันแผล แต่ที่แน่ๆ คุณจะไม่พังทลายอย่างใหญ่โตอีกต่อไป


ฟังเสียงสะท้อนจากตลาด:

ในช่วงแรกของการเทรด ผมค่อนข้างดื้อดึง พอเจอความสูญเสียต่อเนื่อง ผมกลับคิดว่าผมพยายามไม่พอ ฮ่าๆ แม้ว่าตลาดจะส่งสัญญาณชัดเจนว่ามันไม่ได้ไปในทางที่ผมหวัง ผมก็ยังคงเพิ่มทุนในตำแหน่งที่ขาดทุนและเทรดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผลก็คือผมโดนตลาดกลืนกินอย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อผมเริ่มเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ ไม่ว่าจะเป็นการลดความเสี่ยงและกิจกรรมเมื่อเจอช่วงขาดทุน หรือเพิ่มขึ้นเมื่อมีความสำเร็จ ผลการเทรดของผมก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ผมเริ่มฟังเสียงตลาด ถ้ามีสัญญาณลบ ผมจะถอยออกมา แต่ถ้ามีสัญญาณบวก ผมก็จะเพิ่มความมั่นใจและอาจจะกล้าเทรดมากขึ้น การปรับตัวแบบนี้ไม่ง่ายและต้องใช้เวลา แต่เป็นสิ่งจำเป็น การเพิกเฉยต่อสัญญาณลบและคิดว่ามันจะดีขึ้นเองไม่ใช่แผนการเทรดที่ดี เช่นเดียวกับการไม่ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ตลาดมีความเป็นไปได้สูงในการทำกำไร จะยิ่งทำให้คุณพลาดโอกาสดีๆ ไป


โฟกัสที่กระบวนการและรูปแบบหลักเพียง 1-2 แบบ:

ในช่วงแรกๆ ผมไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน เปลี่ยนระบบ เปลี่ยนสไตล์การเทรดไปเรื่อย ไล่ตามตัวชี้วัดใหม่ๆ และทุกอย่างที่ดูเหมือนจะให้ผลตอบแทนดี ผมเคยลองใช้ทั้งกราฟ 5, 30, 60 นาที, รายวัน, รายสัปดาห์ ถ้าคุณหาดีๆ คุณจะเจอรูปแบบการเทรดที่ใช่สักที่แน่นอน และตลาดก็พร้อมจะเสิร์ฟให้ผมเสพติดการเทรดไปเรื่อยๆ ผลก็คือการเทรดมากเกินไป จนผมรู้ตัวว่าต้องโฟกัสกับรูปแบบหลักๆ เพียงไม่กี่แบบ และกรอบเวลาไม่กี่ช่วง ทำให้ผมหยุดการเทรดมากเกินไป ซึ่งต้องอาศัยความอดทนและวินัยที่ผมเคยขาดไปอย่างมาก ตอนนี้ ผมพบว่าตัวเองเทรดเยอะในบางตลาดและแทบไม่ทำอะไรเลยในตลาดอื่น ขึ้นอยู่กับว่ามีรูปแบบหลักที่ผมมองหาอยู่หรือไม่ ปัจจุบันผมใช้เวลาเทรดใกล้ช่วงเปิดตลาดราวๆ 30-60 นาทีต่อวัน และเวลาใส่ออเดอร์จริงๆ แค่ 5-10 นาทีในแต่ละรอบ เมื่อผมตระหนักว่า การนั่งดูกราฟทั้งวัน 6.5 ชั่วโมงไม่ได้เปลี่ยนผลของการเทรดแต่ละรายการ ผมก็หันไปโฟกัสกับเรื่องอื่นๆ แทน การนั่งจ้องหน้าจอนั้นนอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังทำให้ผมอยากจะเข้าไปยุ่งกับตำแหน่งของตัวเองโดยไม่จำเป็น


การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ – การกลายเป็นรถถัง การฟังเสียงสะท้อนจากตลาด และการโฟกัสกับกระบวนการและรูปแบบหลักเพียงไม่กี่อย่าง – เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผมสามารถเทรดได้อย่างสม่ำเสมอและทำกำไรได้ มันใช้เวลานานและต้องผ่านการลองผิดลองถูกมากมาย แต่ถ้าคุณโฟกัสที่สิ่งเหล่านี้ ผมมั่นใจว่าคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย สิ่งเหล่านี้ถูกพูดถึงซ้ำๆ โดยนักเทรดชั้นนำอย่าง Minervini, Qullamaggie, Zanger และนักเทรดระดับสูงอื่นๆ แต่ถ้าคุณยังไม่ได้สัมผัสกับประสบการณ์เหล่านี้ มันก็ยังไม่ใช่ความจริงของคุณ จงทำให้มันเป็นประสบการณ์ของคุณ จนกระทั่งมันกลายเป็นความจริงของคุณเอง

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

Volume (โวลุ่ม เทรด ซื้อขายหุ้น) คืออะไร เขาบอกอะไรเราบ้าง?

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ