ระบบเทรดระดับเทพ ก็พาพอร์ตพังได้ ถ้าไม่เข้าใจ "Position Sizing"

Image
อีบุ๊ก เคล็ดลึก Position Size ปั้นพอร์ตเล็กให้เติบใหญ่ อย่างมั่นคง มีจำหน่ายที่   https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM1OTI2OTt9 “แม้คุณจะมีระบบเทรดที่ดีที่สุดในโลก ก็ยังสามารถทำพอร์ตพังได้ หากบริหารขนาดการเทรด (Position Sizing) ไม่เหมาะสม ในทางกลับกัน ถึงแม้ระบบเทรดจะธรรมดา แต่หากจัดการ Position Sizing ได้ดี คุณก็สามารถสร้างความมั่งคั่งได้เช่นกัน ดังนั้น... คุณต้องเรียนรู้เรื่อง Position Sizing ให้ลึกซึ้ง” — Dr. Van K. Tharp . ลองจินตนาการว่าคุณเป็นทหารในสนามรบ คุณมีปืนที่ดีที่สุดในโลก—แม่นยำ ยิงไกล ทรงพลัง นี่คือ “Holy Grail” หรือ “สุดยอดระบบเทรด” ที่ใครหลายคนใฝ่ฝันถึง แต่ถ้าคุณวิ่งเข้าไปกลางสนามศัตรู โดยไม่วางแผน ไม่รู้จำนวนกระสุน ไม่รู้ว่าจะยิงเมื่อไหร่ หรือยิงยังไง ต่อให้ปืนดีแค่ไหน… คุณก็พลาดง่ายๆ และอาจ “โดนยิงกลับ” จนแพ้ . การเทรดก็เช่นกันครับ ระบบเทรดที่ดีแค่ไหนก็ตาม หากคุณ บริหารขนาดการเปิดออเดอร์ไม่ถูกต้อง (Position Sizing ผิดพลาด) มันก็สามารถ “ทำให้พอร์ตพัง” ได้อย่างง่ายดา...

ถ้าคุณเล่นหุ้นเหมือนการทำธุรกิจ-ก็จะได้เงินเหมือนทำธุรกิจ ถ้าคุณเล่นหุ้นเหมือนงานอดิเรก-ก็มีโอกาสขาดทุนซ้ำซาก

นี่คือซีรี่ส์ "Minervini Wisdom" ที่เป็นการเอาคำพูดของพี่มาร์คมาขยายความให้นักเทรดมือใหม่ได้เข้าใจไอเดียได้มากขึ้นนะครับ ซึ่งมีถึง 50++ บทความ ถ้าคุณสนใจอยากอ่านทั้งหมด เข้าไปดูตามลิงค์นี้นะครับ https://www.zyo71.com/search/label/Minervini%20Wisdom

คำพูด "ถ้าคุณเทรดเหมือนการทำธุรกิจ คุณก็จะได้เงินเหมือนทำธุรกิจ ถ้าคุณเทรดเหมือนงานอดิเรก คุณก็ได้เงินเหมือนงานอดิเรก แต่งานอดิเรกไม่ได้เงินหรอก เพราะคุณจ่ายออกมากกว่า" เป็นคำพูดของพี่มาร์ค มิเนอร์วินี ที่อยู่ในหนังสือ "เทรดอย่างพ่อมดตลาดหุ้น" ครับ

แนะนำเลยครับเล่มนี้ เหมาะมากสำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่ ที่ขาดทุนซ้ำซาก แล้วรู้สึกว่า "ฉันไม่ไหวแล้ว...ฉันอยากดีกว่านี้" 

เล่มนี้เหมาะมาก เพราะเขียนโดยนักเทรดที่เริ่มต้น 6 ปีแรกนั้นหมดตัวไป 2 ครั้ง แต่เขาไม่ยอมแพ้ เขาเรียนรู้วิธีที่จะกลับไปเป็นผู้ชนะ และก็พบวิธีนั้น ซึ่งทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลจากการเทรด (ในเล่มบอกหมดครับว่าเขาทำยังไง) ถ้าคุณได้อ่านเล่มนี้ คุณจะได้ทั้งแรงบันดาลใจ กำลังใจ และวิธีการ ซึ่งมีเนื้อหาสาระครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับมือใหม่ผู้ตั้งใจจะเอาดี+จะร่ำรวยจากการเทรด(เล่นหุ้น)ให้ได้ครับ แนวทางที่เขาใช้มันเวิร์คสำหรับตลาดหุ้นบ้านเรา - ถ้าเข้าใจและใช้เป็น (ถ้าไม่เข้าใจ ก็ติดตามงานผมได้ ที่เพจ Zyo Books นะครับ)

กลับมาเข้าประเด็นครับ

"ถ้าคุณเทรดเหมือนการทำธุรกิจ คุณก็จะได้เงินเหมือนทำธุรกิจ ถ้าคุณเทรดเหมือนงานอดิเรก คุณก็ได้เงินเหมือนงานอดิเรก แต่งานอดิเรกไม่ได้เงินหรอก เพราะคุณจ่ายออกมากกว่า" เป็นการเปรียบเทียบระหว่างการเทรด (หรือลงทุนในตลาดทุน) กับการทำธุรกิจและงานอดิเรก ครับ

มันมีความต่างดังนี้ครับ:

**** ต้องออกตัวก่อนนะครับ  ว่าไม่ใช่เรื่องผิดนะครับ ที่คุณจะเข้ามาเล่นหุ้นแบบงานอดิเรก

เพราะมันเป็นเงินของคุณเอง มันเป็นความสะดวกสบายใจของคุณเอง

ที่ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาก็เพราะอยากจะให้แนวทางสำหรับคนที่ "ทนไม่ไหวจากการขาดทุนซ้ำซาก + อยากจะเทรดได้กำไรสม่ำเสมอ + อยากมีความสุขจากการเล่นหุ้นกว่านี้ + อยากมีกลยุทธ์การเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ + อยากได้แนวคิดผู้ชนะว่าเขาทำยังไง + อยากจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ให้ได้ ฯลฯ" ได้ไอเดียไปทำความเข้าใจและหาข้อมูลต่อนะครับ

การเทรด(เล่นหุ้น)เหมือนการธุรกิจ:

- **การมองเทรดเป็นธุรกิจ**: เทรดหุ้นถือเป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเงินที่มีวัตถุประสงค์หลักในการทำกำไร

- **การวางแผนและการดำเนินงาน**: เหมือนกับการทำธุรกิจที่ต้องมีการวางแผน การวิเคราะห์ และการดำเนินงานเพื่อให้ได้กำไร

- **การคาดการณ์และการควบคุมความเสี่ยง**: คล้ายกับการทำธุรกิจที่ต้องมีการประเมินและการควบคุมความเสี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

**10 ลักษณะของการเล่นหุ้นแบบทำธุรกิจ

การเล่นหุ้นแบบทำธุรกิจมีลักษณะที่เน้นการดำเนินกิจกรรมในตลาดทุนเพื่อทำกำไรอย่างมีเหตุผลและยั่งยืน 

นี่คือ 10 ลักษณะของการเล่นหุ้นแบบทำธุรกิจ:

1. **การวางแผนและการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ**: นักลงทุนทำการวิเคราะห์หุ้นอย่างละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน ซึ่งรวมถึงการศึกษาข้อมูลทางการเงินและประวัติศาสตร์ของบริษัท

2. **การเลือกหุ้นที่มีความน่าสนใจ**: การเล่นหุ้นแบบทำธุรกิจมักจะเน้นการเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีความน่าสนใจตามโอกาสธุรกิจ

3. **การรับผลตอบแทนในระยะยาว**: นักลงทุนมุ่งหวังในการรับผลตอบแทนทางการเงินในระยะยาวจากการลงทุนในหุ้น

4. **การควบคุมความเสี่ยง**: การคำนึงถึงความเสี่ยงและการใช้เครื่องมือการบริหารจัดการความเสี่ยง เช่น การตั้ง Stop Loss เพื่อป้องกันการขาดทุน

5. **การรับรู้และการใช้ข้อมูลตลาด**: การรับรู้ข้อมูลตลาดและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเพื่อใช้ในการตัดสินใจการลงทุน

6. **การทำการศึกษาเพื่อเรียนรู้**: การเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นและการทำธุรกิจในตลาดทุนเพื่อเพิ่มความรู้และทักษะ

7. **การสร้างพอร์ตโฟลิโอหลากหลาย**: การกระจายการลงทุนในหลายบริษัทและสายงานเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

8. **การมองเห็นโอกาสในตลาด**: การระบุและนำเสนอโอกาสในตลาดทุน รวมถึงการตระหนักถึงโอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง

9. **การมีแผนธุรกิจยาวระยะ**: การสร้างแผนการลงทุนที่เน้นความยาวระยะ และการปรับแผนตามเปลี่ยนแปลงของตลาดและสภาพเศรษฐกิจ

10. **การมีความต่อเนื่องและมุ่งมั่น**: การมีความมุ่งมั่นและมุ่งหวังที่จะพัฒนาพอร์ตโฟลิโอการลงทุนในระยะยาวโดยการทำธุรกิจในตลาดทุน

การเทรด(เล่นหุ้น)เหมือนงานอดิเรก:

- **การมองเทรดเป็นงานอดิเรก**: บางครั้งนักลงทุนทำเทรดหุ้นเป็นงานอดิเรก หรือกิจกรรมที่ทำเพื่อความสนุกสนานหรือใช้เวลาว่าง

- **ขาดการวางแผนและวิเคราะห์**: คนบางคนอาจจะไม่ทำการวางแผนหรือวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนที่จะเริ่มเทรด ทำให้มีโอกาสเสี่ยงขาดทุนมากขึ้น

- **การมีการตัดสินใจแบบจิตใจหรืออารมณ์**: บางครั้งนักลงทุนอาจตัดสินใจซื้อหรือขายโดยใช้อารมณ์หรืออิทธิพลจากสถานการณ์ ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ

10 ลักษณะของการเล่นหุ้นแบบงานอดิเรก

แนวคิดในการเล่นหุ้นแบบงานอดิเรกมีลักษณะที่แตกต่างจากการเทรดหุ้นเป็นธุรกิจ 

โดยมักจะเน้นความสนุกสนานและความตื่นเต้นมากกว่าการทำกำไรเป็นหลัก 

นี่คือ 10 ลักษณะของการเล่นหุ้นแบบงานอดิเรก:

1. **ขาดการวางแผน**: นักลงทุนอาจไม่จำเป็นต้องทำการวิเคราะห์หุ้นหรือวางแผนการเทรดล่วงหน้าอย่างรอบคอบ มักจะซื้อหุ้นโดยใช้อารมณ์หรือสมมติฐาน

2. **พูดถึงหุ้นอย่างไม่เป็นระเบียบ**: การสนทนาเกี่ยวกับหุ้นอาจเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ทางการเงินหรือข้อมูลข่าวสาร

3. **เล่นด้วยเงินที่สามารถขาดเสียได้**: การลงทุนเพื่อความสนุกสนานและความตื่นเต้นอาจทำให้นักลงทุนใช้เงินที่ไม่สำคัญมากกว่า

4. **ไม่ใช้กฎเกณฑ์หรือกลยุทธ์ที่ชัดเจน**: การเล่นหุ้นอาจไม่มีกฎเกณฑ์หรือกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจน เป็นไปตามอารมณ์หรือสมมติฐาน

5. **มีการลงทุนในหุ้นที่เป็นที่รู้จักเท่านั้น**: การเล่นหุ้นอาจจำกัดอยู่เฉพาะการลงทุนในหุ้นที่เคยได้ยินชื่อเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงการวิเคราะห์หรือการศึกษาเพิ่มเติม

6. **มีการรับผลตอบแทนที่ไม่แน่นอน**: การเล่นหุ้นแบบงานอดิเรกมักมีการรับผลตอบแทนที่ไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงสูง

7. **การตัดสินใจโดยใช้อารมณ์**: การตัดสินใจในการเลือกซื้อหุ้นอาจส่งผลมาจากอารมณ์หรือความตื่นเต้นต่อสถานการณ์

8. **ไม่มีการตั้ง Stop Loss**: นักลงทุนอาจไม่ใช้การตั้ง Stop Loss เพื่อป้องกันการขาดทุน ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการความเสี่ยง

9. **ความเชื่อในโชคชะตา**: การเล่นหุ้นแบบงานอดิเรกอาจมีความเชื่อในโชคชะตาหรือการสวมโชคชะตามากขึ้น

10. **ไม่มีการเรียนรู้และพัฒนาทักษะ**: นักลงทุนอาจไม่มีการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเทรดหุ้นหรือการวิเคราะห์ทางการเงิน เน้นการสนุกสนานมากกว่าการพัฒนาทักษะการเทรด

การเล่นหุ้นแบบงานอดิเรกมักจะเน้นความสนุกสนานและความตื่นเต้น แต่มักมีความเสี่ยงสูงและมีโอกาสขาดทุนมากขึ้น การเล่นหุ้นแบบนี้ไม่เหมาะสมสำหรับการลงทุนที่มุ่งหวังในผลตอบแทนทางการเงินในระยะยาว

แตกต่างระหว่างการทำธุรกิจและงานอดิเรก:

- **การทำธุรกิจ** มักจะมีเป้าหมายในการทำกำไรและเติบโตในระยะยาว และมักจะมีการวางแผนและการจัดการอย่างรอบคอบ

- **งานอดิเรก** อาจไม่มีเป้าหมายทางการเงินหรือเป้าหมายในการเติบโต และมักจะเน้นความสนุกสนานและความพอเพียงในเวลาว่าง

### สรุป:

การเทรดหุ้นเป็นกิจกรรมทางการเงินที่มีลักษณะเฉพาะตน เราสามารถมองได้เหมือนการทำธุรกิจหรืองานอดิเรก การมีการวางแผน การคาดการณ์และการควบคุมความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรามีโอกาสในการทำกำไรอย่างมีประสิทธิภาพครับ

***แนะนำแหล่งความรู้ฟรี ๆ สำหรับมือใหม่

*** คลังความรู้การเทรดออนไลน์ ชมฟรี 1000++ คลิป เหมาะสำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่มากที่สุดครับ

https://www.zyo71.com/p/index-of-zyo.html

*** (อ่านฟรี!) คลังความรู้เรียนเทรดหุ้น 600 ++ บทความ

https://www.zyo71.com/p/index.html

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

สรุปหนังสือ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่"

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

(มือใหม่เล่นหุ้น) แนวทางการซื้อหุ้นระหว่างขาขึ้น

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

แนะวิธีดูกราฟหุ้นเบื้องต้น

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

ทำไมคุณเทรดมานาน…แต่ผลลัพธ์ยังไม่ต่างจากวันแรก?