ระบบเทรดระดับเทพ ก็พาพอร์ตพังได้ ถ้าไม่เข้าใจ "Position Sizing"

Image
อีบุ๊ก เคล็ดลึก Position Size ปั้นพอร์ตเล็กให้เติบใหญ่ อย่างมั่นคง มีจำหน่ายที่   https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM1OTI2OTt9 “แม้คุณจะมีระบบเทรดที่ดีที่สุดในโลก ก็ยังสามารถทำพอร์ตพังได้ หากบริหารขนาดการเทรด (Position Sizing) ไม่เหมาะสม ในทางกลับกัน ถึงแม้ระบบเทรดจะธรรมดา แต่หากจัดการ Position Sizing ได้ดี คุณก็สามารถสร้างความมั่งคั่งได้เช่นกัน ดังนั้น... คุณต้องเรียนรู้เรื่อง Position Sizing ให้ลึกซึ้ง” — Dr. Van K. Tharp . ลองจินตนาการว่าคุณเป็นทหารในสนามรบ คุณมีปืนที่ดีที่สุดในโลก—แม่นยำ ยิงไกล ทรงพลัง นี่คือ “Holy Grail” หรือ “สุดยอดระบบเทรด” ที่ใครหลายคนใฝ่ฝันถึง แต่ถ้าคุณวิ่งเข้าไปกลางสนามศัตรู โดยไม่วางแผน ไม่รู้จำนวนกระสุน ไม่รู้ว่าจะยิงเมื่อไหร่ หรือยิงยังไง ต่อให้ปืนดีแค่ไหน… คุณก็พลาดง่ายๆ และอาจ “โดนยิงกลับ” จนแพ้ . การเทรดก็เช่นกันครับ ระบบเทรดที่ดีแค่ไหนก็ตาม หากคุณ บริหารขนาดการเปิดออเดอร์ไม่ถูกต้อง (Position Sizing ผิดพลาด) มันก็สามารถ “ทำให้พอร์ตพัง” ได้อย่างง่ายดา...

ประสบการณ์ ปั้นพอร์ตโต 200% แล้วคืนกำไรจนหมดตัว และการแก้ตัวใหม่ ของ David Ryan

 


อีบุ๊ก "พ่อลูก Ryan สวิงเทรดปั้นพอร์ต ปีละ 100% อย่างไร"

ลดราคาพิเศษ 20% ภายใน 8-10 กุมภาพันธ์ นี้เท่านั้น

ที่แอพ Meb : https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM0OTAxNDt9

เดวิด ไรอัน ได้เล่าประสบการณ์การเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมมาจากการศึกษาความผิดพลาดของตัวเองว่า

.....ในปี 1982 ผมมีพอร์ตการลงทุนอยู่แค่บัญชีเดียว ซึ่งตอนนั้นผมมีเงินอยู่ประมาณ 30,000 ดอลลาร์ แล้วตลาดหุ้นก็พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในเดือนสิงหาคมปีนั้น ผมเลยทำกำไรได้ดีมากจนสามารถเพิ่มพอร์ตเป็นสองเท่า

แต่ความจริงแล้ว มันไม่ได้มาจากฝีมือของผมทั้งหมดเลย ผมแค่โชคดีที่อยู่ในตลาดกระทิงรอบใหญ่ ผมยังไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ากำลังทำอะไรอยู่เลยด้วยซ้ำ

หลังจากนั้น ผมอยู่ในตลาดมาได้ปีหนึ่ง แล้วตลาดก็เริ่มแย่ลง ไม่มีหุ้นตัวไหนที่ทำกำไรได้อีกแล้ว การเติบโตหยุดชะงัก และผมเริ่มขาดทุนหนักมาก พอร์ตที่เคยขึ้นไปถึง 60,000 ดอลลาร์ ลดลงเหลือเพียง 16,000 ดอลลาร์ นี่มันแทบจะเป็นการล้างพอร์ตเลยก็ว่าได้

สุดท้าย ผมตัดสินใจใช้เวลาทั้งสุดสัปดาห์นั่งวิเคราะห์หุ้นทุกตัวที่ผมซื้อในปีที่ผ่านมา และผมก็พบข้อผิดพลาดที่เกิดซ้ำ ๆ นั่นคือ ผมซื้อหุ้นที่ "แพงเกินไป" หรืออยู่ในระดับราคาที่สูงเกินจุดเหมาะสม

เมื่อรู้แบบนี้ ผมจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงวิธีการซื้อขายใหม่ ผมจะซื้อหุ้นเฉพาะเมื่อถึง "จุดซื้อที่เหมาะสม" เท่านั้น คือซื้อตอนที่ราคาหุ้นกำลังทะลุแนวต้านขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ หรือซื้อเหนือฐานราคาที่แข็งแกร่ง ผมจะเลือกเฉพาะหุ้นที่มีคุณสมบัติที่ใช่

หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็เจอหุ้นตัวแรกที่ทำกำไรก้อนใหญ่ให้ผม นั่นคือบริษัท Wards ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Circuit City และนี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ

ตั้งแต่นั้นมา ผมมีสมาธิกับกลยุทธ์ของตัวเองมากขึ้น ผมไม่ซื้อหุ้นที่กำลังปรับฐาน ผมไม่ซื้อหุ้นที่ราคาสูงเกินไป ผมซื้อเฉพาะเมื่อถึงจุดซื้อที่ถูกต้อง ผมไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตลาดจะเป็นอย่างไร

ผมโฟกัสแค่ "รูปแบบเดียว" เท่านั้น และพยายามเชี่ยวชาญมันให้ได้ เพราะเวลาที่คุณพยายามทำหลายอย่างเกินไป เช่น ซื้อทั้งหุ้นที่กำลังเบรกเอาท์และหุ้นที่กำลังดึงตัวกลับ (Pullback) หรือใช้หลายกลยุทธ์ปะปนกัน มันจะทำให้คุณสับสนและเกิดปัญหา

ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือทำให้ทุกอย่างเรียบง่าย โฟกัสที่จุดแข็งของตัวเอง และพยายามทำให้มันสมบูรณ์แบบ!

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

สรุปหนังสือ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่"

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

(มือใหม่เล่นหุ้น) แนวทางการซื้อหุ้นระหว่างขาขึ้น

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

แนะวิธีดูกราฟหุ้นเบื้องต้น

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

ทำไมคุณเทรดมานาน…แต่ผลลัพธ์ยังไม่ต่างจากวันแรก?