3 Chart Patterns น่าเชื่อถือ และหาจุดซื้อที่ถูกต้อง

Image
บทเรียนที่ 3: วิธีอ่านกราฟอย่างมืออาชีพ  และหาจุดซื้อที่ถูกต้อง รูปแบบกราฟ (Chart Patterns) คู่มือในการค้นหาหุ้นเด่นของวันพรุ่งนี้ ในตลาดหุ้น สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ: ปีแล้วปีเล่า หุ้นที่ชนะตลาดมักจะสร้างรูปแบบกราฟบางอย่างก่อนที่ราคาจะพุ่งแรง และการสังเกตรูปแบบเหล่านี้ง่ายกว่าที่คุณคิด เริ่มจากการเรียนรู้ 3 รูปแบบกราฟที่พบได้บ่อยและสร้างกำไรได้ดีที่สุด: สนับสนุนโดย อีบุ๊ค "เคล็ดลึก สวิงเทรด ให้ได้กำไรสม่ำเสมอ"   https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjMzNjYyMjt9 Cup With Handle (ถ้วยมีหูจับ) - การจับโอกาสทำกำไรใหญ่ เริ่มจากการรู้จักรูปแบบ “ถ้วยมีหูจับ” ซึ่งมีลักษณะเหมือนถ้วยชาเอียงเล็กน้อย โดยหูจับจะอยู่ด้านขวาของกราฟ - หุ้นที่มีแนวโน้มขึ้นแรงมักจะสร้างรูปแบบนี้ก่อนเริ่มการพุ่งขึ้นรอบใหม่ - จุดซื้อ (Buy point) มักเกิดเมื่อราคาทะลุขึ้นจากหูจับ พร้อมปริมาณการซื้อขาย (volume) ที่สูงขึ้น --- Double Bottom (รูปตัว W) - รูปแบบ Double Bottom คล้ายกับตัว “W” กลับหัว โดยจุดต่ำสุดรอบที่สอ...

สรุป The Rule Part 2 สั้น ๆ


เห็นว่าน่าสนใจเลยสรุปให้อ่านกันอีกสักนิด สั้น ๆ - อยากรวย แต่ไม่อยากทำงานหนัก เพราะตัวเองเป็น dylesic ด้วย
- ไปเรียนเป็นนักแสดง ได้ทักษะการเข้าถึงแรงผลัก (motivation) ของใครสักคนในการทำอะไรสักอย่าง
- ตอนเรียนได้รับแรงบันดาลใจจากอาจารย์ท่านหนึ่ง เล่าถึงเรื่องราวในตลาดเก็งกำไร ในเชิงขบขัน แต่มันได้สร้างแรงกระตุ้นให้เขาเห็นโอกาสในการสร้างความร่ำรวย ถ้าใช้หลักการทางคณิตศาสตร์
- จบไปทำงานเป็นนักแสดง แต่ไม่ชอบ
- ไปเป็น music promoter ก็ไม่ยั่งยืน นักร้องติดยา วุ่นวาย ตายเกลื่อน
- จึงไปสมัครงานเป็นคนรับออเดอร์สั่งซื้อขายหุ้น
- แล้วไปประทับใจการเทรดของ Jack Boyd ที่เทรดทำเงินได้สม่ำเสมอ ทั้งที่เทรดชนะไม่กี่ครั้ง แต่ด้วยความที่กล้า stop loss ไว และ let profit run ทำให้แม้ได้หุ้นผู้ชนะไม่กี่ตัว (ปีละ 1-2 ตัว สำหรับผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ กำไรก้อนโต) ก็ทำกำไรได้เฉลี่ย ปีละ 20%
- ชอบการเทรดของ Boyd มาก จึงพยายามเอาทำเป็นสูตรคณิตศาสตร์ของตัวเอง - ได้หลักการ "การเดิมพัน 4 ประเภท" คือ (อันนี้ดี)
Good bet = การเดิมพันที่ดี
Bad bet = การเดิมพันที่ไม่ดี
Win Bet = การเดิมพันที่ชนะ
Lose bet = การเดิมพันที่แพ้

คนทั่วไป มองว่าการเดิมพันมีแค่ ชนะ กับ แพ้ เท่านั้น
แต่ Hite มองว่า มันมีอยู่ถึง 4 อย่าง
การเดิมพันที่ดี (good bet) กับ การเดิมพันที่ไม่ดี ก็คือ ความได้เปรียบ (odds)
การเดิมพันที่ชนะ (bad bet) กับ การเดิมพันที่แพ้ ก็คือ ผลลัพธ์ (outcome)


คุณไมสามารควบคุม ผลลัพธ์ (outcome) ได้เลย
แต่คุณสามารถควบคุม "ความได้เปรียบ" และ "ความเสี่ยง" ได้

ยกตัวอย่าง คุณพนันกับเพื่อน 1 ดอลลาร์ ถ้าทีมชนะ
หากคุณตกลง ความได้เปรียบของการพนันครั้งนี้คือ 50-50
โอกาสกำไรคือ 2 ดอลลาร์ ความเสี่ยงคือ 1 ดอลลาร์
นี่เป็นการเดิมพันที่ดีใช่หรือไม่ คำตอบคือ "ใช่" เพราะคุณลงขันเพื่อทำเงินให้ได้ 100% จากเงินต้น โดยที่คุณจะเสียเงินไปแค่ 1 ดอลลาร์

คุณสามารถลงเงิน $10 เพื่อ $20 ได้มั้ย? คำตอบก็คือได้
แล้วการลงเงิน $1,000,000 เพื่อความได้เปรียบ 50-50 ล่ะเป็นไง?
ตรงนี้บอกเลยว่าไม่เหมาะสำหรับคนทั่วไป เพราะมันเสี่ยงเกิน ถือว่าเป็น  bad bet
แต่ไม่ใช่สำหรับ Jeff Bezos ถือว่าเป็นความเสี่ยงที่ไม่มาก เพราะเขามีเงินถึง $150 พันล้าน (เท่าไหร่หว่า?)
นี่เป็นวิธีคิดเกี่ยวกับความได้เปรียบ(odds)แบบง่าย ๆ

ถ้าคุณวางเดิมพันที่ดี (placing good bets) ในระยะเวลาที่ยาวพอ กฎของค่าเฉลี่ยจำทำงานให้คุณ
แต่ระหว่างนั้นคุณก็ต้องมีการขาดทุนอยู่บางครั้ง
ดังนั้นคุณควรเตรียมตัวเดิมพันด้วยเงินก้อนเท่าที่คุณสามารถเสียได้เท่านั้น

Bad bet and win big เป็นสิ่งที่ไม่ดี
ยกตัวอย่างเช่น คุณกำลังเดินข้ามถนนด้วยการก้มหน้าดูมือถือ นี่เป็น bad bet
โชคดี คือ คุณไม่โดนรถเหยียบ โชคร้ายคือโดนบี้ซะแบน
หมายความว่า แม้คุณจะโชคดีในครั้งนี้ แต่ถ้าคุณยังคงทำต่อไป กฎแห่งค่าเฉลี่ย (law of average) จะทำงาน นั่นก็คือ "โดนจนได้"

ฉะนั้น คอนเซ็ปท์ของ การเดิมพันที่ดีกับไม่ดี มันใช้ได้หมด รวมถึงการใช้ชีวิตด้วย

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

Volume (โวลุ่ม เทรด ซื้อขายหุ้น) คืออะไร เขาบอกอะไรเราบ้าง?

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ